โฆษกรบ.เผย นายกฯ เตรียมนำครม.เยี่ยมสถานีกลางบางซื่อ ทดสอบรถไฟฟ้าสายสีแดง
11 ธ.ค. 2563, 10:53
วันนี้ (11ธ.ค.2563) นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตรียมนำคณะรัฐมนตรีทั้งคณะนั่งรถบัสออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อมาเยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ พร้อมทดลองการเดินขบวนรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีกลางบางซื่อ- สถานีดอนเมือง-สถานีกลางบางซื่อ ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ หลังจากที่เคยได้เดินทางมาตรวจติดตามงานก่อสร้าง เมื่อเดือน มี.ค. 2562 ครั้งนี้จะได้นำคณะรัฐมนตรีมาร่วมตรวจสอบความพร้อมงานบริการก่อนเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการเต็มรูปแบบในปี 2564
ทั้งนี้ สถานีกลางบางซื่อเมื่อแล้วเสร็จสมบูรณ์ จะเป็นศูนย์กลางระบบรางที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียนสามารถเปลี่ยนถ่ายการเดินทางจากระบบราง ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเชื่อมสนามบิน และรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในเขตเมือง สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีเขียว สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน เชื่อมต่อการเดินทางของระบบรางอื่น ๆ เช่น รถไฟฟ้ามหานคร หรือ MRT รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสู่ภูมิภาค รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน รวมทั้งเชื่อมโหมดการเดินทางในรูปแบบอื่น ได้แก่ สถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. สถานีรถโดยสารประจำทาง รวมทั้งจะมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงพาณิชย์ด้วย ปัจจุบันการก่อสร้างตัวสถานีมีความคืบหน้าแล้ว 99.8% ส่วนงานติดตั้งระบบควบคุมและจัดหาตู้รถไฟฟ้า คืบหน้า 89.1 % คาดว่าสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ในช่วงเดือน พ.ย.2564
ขณะที่ รถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วงบางซื่อ – รังสิต จะช่วยย่นระยะเวลาการเดินทางระหว่างย่านใจกลางเมืองกับย่านชานเมืองให้รวดเร็วมากขึ้น สามารถถ่ายเทผู้โดยสารจากท้องถนนเข้าสู่ระบบขนส่งสาธารณะทางรางที่สะดวกและปลอดภัยได้เป็นจำนวนมาก จากสถานีต้นทางบางซื่อถึงสถานีปลายทางรังสิตในระยะเวลา 30 นาทีด้วยความเร็ว 120 กม. ต่อชั่วโมง สามารถรองรับปริมาณผู้โดยสารจากรังสิตสู่บางซื่อไม่น้อยกว่า 272,500 คน/วัน ปัจจุบันได้เริ่มวิ่งทดสอบมาระยะหนึ่งแล้วและเปิดทดสอบเสมือนจริงเดือน มี.ค. 2564 จากนั้นจะเปิดให้บริการเดินรถเชิงพาณิชย์ในเดือน พ.ย. 2564
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า ท่านนายกรัฐมนตรีใส่ใจความก้าวหน้าโครงการสถานีรถไฟกลางบางซื่อมาตลอด ต้องการเปลี่ยนโฉมหน้าระบบคมนาคมขนส่งประเทศไทยให้ทันสมัย เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกและปลอดภัย แก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและมลพิษ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ซึ่งการพัฒนาระบบรางเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์คมนาคมที่พลเอกประยุทธ์ ฯ ได้วางไว้ และมีการดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและเกิดขึ้นจริง