"ลุงจรูญ" ทำตามสัญญาตั้งโต๊ะขออภัยหมิ่น "ครูปรีชา" คดีหวย 30 ล้านอลเวง แต่งานนี้ยังไม่จบ
17 ธ.ค. 2563, 08:29
ความคืบหน้ากรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ หมวดจรูญ อดีตข้าราชการตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ อ.1863/61 ข้อหายักยอกทรัพย์ รับของโจร เนื่องจากทั้งคู่ต่างอ้างว่าเป็นเจ้าของสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย.60 เลข 533726 จำนวน 1 ชุด 5 ใบ เป็นเงินจำนวน 30 ล้านบาท
ต่อมาวันที่ 4 มิ.ย.62 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ แต่คดีย่อยที่ฟ้องแยกออกไปยังมีอีกหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ครูปรีชา ฟ้องหมวดจรูญ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่หมวดจรูญให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่บ้านพักส่วนตัวเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.62 ว่า "คนที่เลวโดยสันดาน การศึกษาก็ช่วยไม่ได้" จากนั้นวันที่ 1 ส.ค.62 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ แต่ต่อมาครูปรีชา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้กลับคำสั่งศาลชั้นต้นว่าคดีมีมูลและรับเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ1359/2562 และวันนี้ (2 ธ.ค.63) ศาลอุทธรณ์ได้นัดสืบพยานโจทก์นัดแรก แต่ก่อนจะมีการสืบพยานศาลได้ให้คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายไกล่เกลี่ยหาทางออกร่วมกัน สุดท้ายคู่กรณีระหว่างครูปรีชากับหมวดจรูญนั้นสามารถไกล่เกลี่ยกันได้โดยให้หมวดจรูญ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเพื่อขอโทษครูปรีชา ออกสื่อภายในวันที่ 16 ธ.ค.63 ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.45 น.วันนี้ 16 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความส่วนตัว ได้ตั้งโต๊ะขออภัยนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา ผ่านสื่อมวลชน ที่บ้านพักส่วนตัว เลขที่ 299/110 หมู่บ้านศิริชัยวังสารภี ซ.5 หมู่ 8 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ปี 2562 ก่อนที่จะมีคำตัดสินคดีหวย 30 ล้าน ตอนนั้นคุณลุงได้ทำการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนที่บ้านพัก และได้มีการพูดให้สัมภาษณ์ว่า “คนที่เลวโดยสันดารการศึกษาก็ไม่ช่วยอะไร”แต่ปรากฏว่าทางครูปรีชา ไปฟ้องต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรีว่า คุณลุงได้มีการกล่าวถึงครูปรีชาหรือเปล่า ซึ่งคดีก็สู้กันมา ซึ่งศาลชั้นต้นท่านบอกว่าครูปรีชาไม่ใช่ผู้เสียหาย เพราะคุณลุงจรูญ ไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็นครูปรีชา
แต่เมื่อถึงชั้นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็บอกว่า เรื่องนี้อาจจะทำให้ครูปรีชาเสียหาย เพราะว่าในการให้สัมภาษณ์มีการพูดถึงเรื่องหวย 30 ล้านบาท และมีการพูดถึงครูปรีชาด้วย ซึ่งคำพูดนั้นอาจจะหมายถึงครูปรีชาก็ได้ จึงให้ย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นได้พิจารณา แต่ระหว่างที่ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีการพิจารณา ท่านก็ได้มีการไกล่เกลี่ย เพราะว่าท่านคงจะมองเห็นว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ ซึ่งจะทำให้เสียเวลาของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย
ดังนั้นท่านจึงได้ไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายว่าอยากให้เรื่องนี้มันจบไป แต่ทางคุณลุงก็บอกว่าไม่ได้หมายถึงครูปรีชา แต่ศาลท่านก็บอกว่าอะไรที่เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆถ้าผ่านไปได้ก็ขอให้ผ่านไป ให้เราไปมุ่งเน้นคดีหลักกันจะดีกว่า เช่นคดีที่มีการดำเนินคดีกันคือคดีหลักเรื่องหวย 30 ล้าน หรือเรื่องคดีที่จะไต่สวนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.)คือเรื่องของการฟ้องเท็จ
ซึ่งตัวคุณลุงก็คิดว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะเราจะได้ไม่ทำให้เสียเวลาของศาล และประหยัดเวลาของคุณลุงในการที่จะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัว จึงได้รับปากว่าจะจัดแถลงข่าวเพื่อขออภัยครูปรีชา จึงเป็นที่มาของการแถลงข่าวในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาหมวดจรูญ ได้พูดขออภัยนายปรีชา ใคร่ครวญ โดยใช้ถ้อยคำตามที่ตกลงกันไว้ว่า “ตามที่ข้าพเจ้าเคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2562 ว่า คนที่เลวโดยสันดานเนี๊ยะ มัน การศึกษามันช่วยไม่ได้หรอกนะ การศึกษาก็ช่วยไม่ได้ หากข้อความที่ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้นายปรีชา ใคร่ครวญ ได้รับความเสียหาย ข้าพเจ้าขออภัย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.)จะมีอะไรเพิ่มเติมอีกหรือไม่”ทนายตั้ม ตอบว่า คดีนี้ตามรายงานพรุ่งนี้ครูปรีชาก็คงจะต้องไปถอนฟ้องตามที่ได้กำหนดกันเอาไว้คือเรื่องนี้ไม่มีใครถูกและไม่มีใครผิด ซึ่งคุณลุงจรูญก็ได้กล่าวขออภัย ส่วนครูปรีชาก็ไปถอนเรื่องออก ซึ่งก็จบไปแล้วอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนในวันนพรุ่งนี้ก็จะมีการไต่สวนกันต่อเกี่ยวกับการที่ลุงจรูญ ฟ้องครูปรีชาและทนายความส่วนตัว ในข้อหาร่วมกันฟ้องเท็จ ซึ่งฝ่ายครูปรีชาได้ขอเลื่อนมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งพรุ่งนี้ก็คิดว่าคงจะไม่ได้เลื่อนอีกแล้ว หลังจากพรุ่งนี้ไต่สวนแล้วเสร็จ ศาลก็คงจะมีคำสั่งว่าคดีจะมีมูลหรือไม่ ถ้าหากมีมูลก็จะเข้าสู่ชั้นพิจารณา เอาหลักฐานของทั้งสองฝ่ายมานำเสนอต่อศาล หากศาลมีคำพิพากษาว่ามีความผิด ครูปรีชาและทนายความก็จะได้รับโทษ แต่หากศาลพิพากษาว่าไม่ผิด ก็ยกฟ้องไป ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับพยานและหลักฐานต่างๆ และสิ่งที่เรามองว่าการที่ครูปรีชามาฟ้องลุงจรูญว่ายักยอกทรัพย์ รับของโจร เรามองว่ามันเป็นเท็จ และการที่เราฟ้องไปเพราะเรารู้ว่าทางทนายความและครูปรีชาทราบดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเท็จเราถึงฟ้อง ซึ่งเรามีความเชื่อเช่นนี้เราถึงต้องใช้สิทธิ์ทางศาล แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ส่วนเรื่องของคดีหลัก ทราบว่าทางฝ่ายของครูปรีชา ได้มีการขอขยายฎีกาอยู่ ส่วนศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์จะรับคำร้องอนุญาตให้ฎีกาหรือไม่ จะต้องรอให้ส่งฎีกาไปก่อนเราจึงจะรู้ว่าท่านจะอนุญาตหรือรับรองหรือไม่ หากไม่รับรองคดีหลักก็จบลงที่ศาลอุทธรณ์ แต่ถ้าหากรับรองคดีก็ขึ้นสู่ศาลฎีกา ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกพอสมควร./