วันที่ 18 ธ.ค. 63  ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวนา  ในหมู่ที่ 3  ตำบลอินทประมูล  อำเภอโพธิ์ทอง  หลังจากที่ทางราชการมีหนังสือแจ้งให้เลิกเผานา  เนื่องจากเป็นการสร้างมลพิษส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ส่งผลทำให้ได้รับความเดือดร้อนจากต้นทุนที่สูงขึ้น  ไม่คุ้มกับที่ทางราชการให้เงินช่วยเหลือในการพัฒนาพันธุ์ข้าวและประกันราคาข้าว  หลังเก็บเกี่ยวแล้วต้องจ้างรถมาอัดฟางข้าวในราคาก้อนละ 15 บาท  ส่วนตอซังข้าวก็ต้องจ้างรถมาไถกลบชั่วโมงละ 800 บาท  แถมร่องฟางรถไถ่เข้าไปไถกลบไม่ได้  ฟางที่อัดก้อนก็ขายไม่ได้ไม่มีคนรับซื้อ  ต้องนำมากองทิ้งไว้ที่ริมคันนาให้ย่อยสลายไปเองตามธรรมชาติ  โดยมีหนูศัตรูของนาข้าวและสัตว์มีพิษเข้าไปอยู่อาศัย  ส่วนนาบางแปลงที่อยู่ติดริมถนนที่กำลังจะออกรวง  ต้องประสบปัญหากับไฟฟ้าส่องสว่างข้างทาง  ทำให้ต้นข้าวที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้าไม่ยอมออกรวง  เมื่อสอบถามไปยัง อบต. ที่รับผิดชอบ  แจ้งว่าไม่สามารถที่จะดำเนินการดับหรือคลุมไฟให้ได้  เพราะมีผู้ใช้เส้นทางร้องเรียนว่าไฟส่องทางไม่สว่าง  ซึ่งทำให้ชาวนาที่ทำนาในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก

จากการสอบถาม นาง สายรุ้ง  สังขวุฒิ อายุ 60 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 129/4  หมู่ที่ 2  ตำบลอินทประมูล  อำเภอโพธิ์ทอง  จังหวัดอ่างทอง  เปิดเผยว่า  ตนเองและชาวนาในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน  โดยตนเองเช่าพื้นที่ทำนา จำนวน 5 ไร่  หลังจากที่ทางราชการมีหนังสือแจ้งให้เลิกเผานา  เนื่องจากเป็นการสร้างมลพิษส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม  ทำให้ต้องจ้างรถมาทำการไถกลบตอซังข้าวชั่วโมงละ 800 บาท  แถมร่องฟางก็เข้าไปไถไม่ได้ทำให้ต้องเสียเวลาในการเสียค่าจ้าง  ส่วนฟางข้าวที่อยู่ในทุ่งนาก็ต้องจ้างรถมาอัดฟางก้อนละ 15 บาท  ซึ่งไม่พอกับเงินที่ทางรัฐบาลช่วยเหลือ  ฟางที่จ้างมาอัดก้อนก็ขายไม่ได้  เพราะคนรับซื้ออ้างว่าคุณภาพฟางไม่ดี  แม้กระทั่งให้ฟรีก็ยังไม่เอา  จำต้องเอามากองไว้ที่คันนา  หนูและสัตว์มีพิษเข้าไปอาศัยเพาะพันธุ์สร้างความเดือดร้อน