ปภ.เตือน 11 จังหวัดภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำป่า-น้ำท่วมฉับพลัน 23–24 ธ.ค.นี้
19 ธ.ค. 2563, 18:27
19 ธ.ค. 63 เวลา 16.00 น.กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 11 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราชพัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล เตรียมพร้อมรับมือฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 23 - 24 ธันวาคม 2563โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดพร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยรวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษมอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาพอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่1(313/2563)ลงวันที่ 19 ธันวาคม 2563 เวลา 11.00 น. แจ้งว่า พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางชายฝั่งด้านตกวันตกของประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกคาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในระยะต่อไปและอ่อนกำลังก่อนเคลื่อนเข้าบริเวณอ่าวไทยในช่วงวันที่23-24 ธันวาคม 2563 ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้นทำให้บริเวณภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ปริมาณฝนสะสมอาจทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัยสำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย มีกำลังแรง คลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.)โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 11 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำล้นตลิ่ง และคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 23–24 ธันวาคม 2563 ดังนี้ พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร (อำเภอเมืองชุมพร อำเภอหลังสวนอำเภอละแม อำเภอพะโต๊ะ อำเภอสวี และอำเภอทุ่งตะโก) สุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี อำเภอกาญจนดิษฐ์ อำเภอดอนสัก อำเภอไชยาอำเภอคีรีรัฐนิคม อำเภอท่าฉาง อำเภอบ้านนาสาร อำเภอบ้านนาเดิม อำเภอเคียนซาอำเภอเวียงสระ อำเภอพระแสง อำเภอพุนพิน อำเภอชัยบุรี และอำเภอวิภาวดี) นครศรีธรรมราช(อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช อำเภอพรหมคีรี อำเภอลานสกา อำเภอฉวาง อำเภอพิปูน อำเภอเชียรใหญ่อำเภอชะอวด อำเภอท่าศาลา อำเภอทุ่งสง อำเภอนาบอน อำเภอทุ่งใหญ่อำเภอปากพนัง อำเภอร่อนพิบูลย์อำเภอสิชล อำเภอขนอม อำเภอหัวไทร อำเภอบางขันอำเภอถ้ำพรรณรา อำเภอจุฬาภรณ์ อำเภอพระพรหม อำเภอนบพิตำ อำเภอช้างกลาง และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ) พัทลุง(อำเภอเมืองพัทลุง อำเภอกงหราอำเภอเขาชัยสน อำเภอตะโหมด อำเภอควนขนุน อำเภอปากพะยูนอำเภอศรีบรรพต อำเภอป่าบอน อำเภอบางแก้ว อำเภอป่าพะยอม และอำเภอศรีนครินทร์) สงขลา(อำเภอเมืองสงขลา อำเภอสทิงพระ อำเภอจะนะ อำเภอระโนด อำเภอกระแสสินธุ์ อำเภอรัตภูมิอำเภอสะเดา อำเภอหาดใหญ่ อำเภอนาหม่อม อำเภอควนเนียง อำเภอบางกล่ำ อำเภอสิงหนคร และอำเภอคลองหอยโข่ง)ปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอโคกโพธิ์ อำเภอหนองจิก อำเภอมายอ อำเภอทุ่งยางแดงและอำเภอแม่ลาน) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา อำเภอบันนังสตา อำเภอยะหา และอำเภอเบตง) นราธิวาส (อำเภอตากใบ อำเภอบาเจาะ อำเภอระแงะ อำเภอศรีสาคร อำเภอแว้งอำเภอสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะและอำเภอเจาะไอร้อง) กระบี่ (อำเภอเขาพนม และอำเภอลำทับ) ตรัง(อำเภอเมืองตรัง อำเภอกันตัง อำเภอห้วยยอด อำเภอวังวิเศษ อำเภอนาโยง อำเภอรัษฎา และอำเภอหาดสำราญ)สตูล (อำเภอละงู และอำเภอมะนัง) พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และนราธิวาส
รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าวโดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝนพร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24ชั่วโมงโดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ริมแม่น้ำลำคลอง ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล อีกทั้งจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT)รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีตลอดจนประสานหน่วยงานในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างการรับรู้และแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ภัยแนวทางการปฏิบัติตน และการอพยพไปยังจุดปลอดภัยผ่านทุกช่องทางรวมถึงเน้นย้ำให้ดูและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพในเบื้องต้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัดเพื่อพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นสำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM
คำที่เกี่ยวข้อง : #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย #เตือน #น้ำป่า-น้ำท่วม #ONBnewsลาดพร้าว #ลาดพร้าวONBnews #ONBnewsทั่วไทย #ข่าว #ออนไลน์