นายกฤษณ์กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มผู้ค้าของทะเลและห้องเย็นที่เดินทางไปในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง ได้สั่งให้แต่ละอำเภอทำการเอกซเรย์ค้นหา กระทั่งพบจำนวน 35 ราย โดยมีจำนวน 32 รายที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีจำนวน 2 ราย ที่มีความเสี่ยงสูง ขณะนี้ผลตรวจตัวอย่างทางแล็บที่โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ได้ทยอยออกมาแล้ว โดยล่าสุดได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการว่า กลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดไม่พบการติดเชื้อโควิดเช่นเดียวกัน แต่กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยังต้องอยูในการเฝ้าระวังสังเกตอาการ และแยกกักตัวเองต่อไปจนกว่าจะครบ 14 วัน

ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ยังกล่าวถึงกรณีที่โรงเรียนต่างๆ โดยเฉพาะในเขต อ.หนองไผ่และอำเภอข้างเคียงประกาศหยุดการเรียนการสอน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ว่า เป็นอำนาจหรืออยู่ในดุลพินิจของผู้อำนวยการโรงเรียน เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเสี่ยงก็สามารถประกาศหยุดการเรียนการสอนได้ทันที ประกอบกับช่วงนี้ใกล้เทศกาลปีใหม่ มีวันหยุดเยอะ จึงประกาศปิดโรงเรียน น่าจะมีความปลอดภัยมากกว่า

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวว่า โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีการประกาศปิดการเรียนการสอนแล้ว โดยส่วนใหญ่เริ่มปิดตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีจำนวนราว 12 แห่ง ได้แก่ อ.หนองไผ่ โรงเรียนหนองไผ่, โรงเรียนบ้านคลองกระโบน, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดบ้านโภชน์, โรงเรียนนาเฉลียง, โรงเรียนชุมชนบ้านโภชน์, ที่ อ.บึงสามพัน โรงเรียนซับบอนวิทยาคม, โรงเรียนอนุบาลจุฬาภัทร, โรงเรียนอนุบาลพร้อมจิต, โรงเรียนอุดมวิทยา,โรงเรียนซับบอนวิทยา ส่วนที่ อ.เมือง โรงเรียนเซนต์โยเซฟ, โรงเรียนอนุบาลตริณศิลป์

นอกจากนี้ งานวัดมหาธาตุ อ.เมือง เมื่อคืนที่ผ่านมา มีประชาชนไปเที่ยวงานกันบางตา ขณะที่ร้านมัจฉาของทางวัด และร้านปาลูกโป่งเสี่ยงดวงแทบไม่มีผู้อุดหนุน นอกจากนี้วัดหลายแห่งประกาศระงับกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีแล้ว เพราะเกรงไม่ปลอดภัยจากเชื้อโควิด-19 เช่นกัน