ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรังวิกฤตอย่างหนัก ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะตั้งแต่บ้านน้ำตก ผ่านมายังบริเวณวัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ โบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ไปจนถึงลานสุพรรณิการ์หน้าศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี จนเห็นสันดรเนินดินกลางแม่น้ำ และริมตลิ่งยาวสุดลูกหูลูกตาในบริเวณดังกล่าว และเหลือปริมาณน้ำอยู่ตรงกลางแม่น้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่งผลให้ชุมชนชาวแพที่มีบ้านเรือนแพอาศัยอยู่ในแม่น้ำสะแกกรังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก  เรือนแพนับร้อยหลังต้องติดค้างแห้งเกยตื้นอยู่บนเนินดินกำลังจะได้รับความเสียงหาย เรือนแพเอียงจนเสียรูปทรง หากยังไม่มีการผันน้ำเข้ามาในเร็ววันนี้ลูกบวบทุ่นรอยน้ำขอเรือนแพจะต้องรับความเสียหายอย่างแน่นอน การซ่อมแซมเรือแพเมื่อได้รับความเสียจะใช้เงินหลังละหลานหมื่นบาท  มีเรือนแพบางหลังเท่านั้นที่พอมีพื้นที่ชักรากลงไปในกลางแม่น้ำได้

ชาวแพที่เคยใช้เรือสัญจรไปมานั้นไม่สามารถใช้เรือได้อีกเพราะน้ำนั้นตื้นเขิน รวมถึงแพเหล็กที่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีก็เกยตื้นค้างอยู่บนสันดรเนินดินเช่นกัน ยังไม่รวมเรือเก็บผักตบชวา ก็ติดค้างแห้งเพราะชักลากจูงลงร่องน้ำลึกไม่ทัน ชาวชุมชนชาวแพต้องทุกข์ถึงกับร้องให้หลั่งน้ำตาออกมาวอนขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน อย่างนางอัมพร พรมสุต อายุ 70 ชุมชนชาวแพ เลขที่ 28/4 อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงปลาแรดในกระชังกับสามีใช้ชีวิตบนแพมาตลอดชีวิต โดยในตอนนี้แพที่ใช้เลี้ยงปลากระชังนั้นแตกพังเสียหาย รวมถึงแพที่อยู่อาศัยก็ติดค้างอยู่บนเนิน ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า น้ำนั้นลดลงอย่างไม่ทันตั้งตัว และที่เสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่เคยมีใครเข้ามาดูแลและช่วยเหลือเลย อยากให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้นเข้ามาช่วยเหลือบ้างเพราะตอนนี้เดือดร้อนจริงๆ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำแห้งซึ่งเป็นประจำเกือบทุกปี อยากให้ได้รับการแก้ไขอย่างถาวร