"รอง ผบก.ตร.กาญจน์" ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันโควิด-19 แนะ ! ปชช.ต้องตื่นตัว แต่อย่าตื่นตระหนก
26 ธ.ค. 2563, 08:20
วันนี้ 26 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวราย ONB news งานว่า พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และเชื้อดังกล่าวลามไปแพร่ระบาดในพื้นที่หลายจังหวัดในภาคกลาง เช่น จ.นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี สุพรรณบุรี เป็นต้น
แต่จากการติดตามข้อมูลข่าวสารของสำนักงานกระทรวงสาธารณะสุข พบว่าจังหวัดกาญจนบุรียังเป็นพื้นที่สีเขียวปลอดผู้ติดเชื้อโควิด 100% ซึ่งถือว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีมาตรการณ์ในการป้องกันการแพร่ระบาดได้เป็นอย่างดีเยี่ยม แต่เพื่อความไม่ประมาท จึงขอให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรีทุกคนทุกครัวเรือน ช่วยกันปฏิบัติตามกฎของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่นสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เว้นระยะห่าง ซึ่งข้อมูลการปฏิบัติตนดังกล่าวเชื่อว่าทุกคนต่างก็ทราบและเข้าใจกันดียู่แล้ว
และที่ผ่านมา พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวชาวเมียมา มาอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ ตม.รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองสามารถจับกุมแรงงานเหล่านี้ได้เป็นจำนวนมาก และมีการขยายผลจากผู้นำพาเพื่อติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาโดยตลอด ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้สนธิกำลัง ตั้งจุดตรวจคัดกรองบุคคลกลุ่มเสี่ยงโรคติดเชื่อไวรัสโคโรน่า 2019 ตามแผนการป้องกันและบรรเทาภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างเข้มข้น
โดย พล.ต.ต.วรณัน ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักกฎหมายระเบียบข้อบังคับต่างๆที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้อง ชัดเจน ให้ใช้กิริยาวาจาที่เหมาะสมสุภาพเรียบร้อย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ห้ามไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบโดยเด็ดขาด
รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายระมัดระวังในการพูดคุยสัมผัสรักษาระยะห่าง ตามหลัก Social Distancing และให้รักษาสุขอนามัย ให้วางระบบจัดการจราจร ทั้งบริเวณก่อนถึงจุดตรวจ ขณะเข้าจุดตรวจ และหลังจุดตรวจ การตรวจเอกสาร ตรวจวัดอุณหภูมิ และบูรณาการกำหนดแนวทางการปฏิบัติร่วมกับหน่วยร่วมในจุดตรวจ ให้คล่องตัว และเหมาะสม เพื่อให้ประชาชนผู้เดินทางได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
อีกทั้งกำลังพลทุกนายต้องมีความพร้อมกับหน่วยร่วมปฏิบัติให้เพียงพอ สามารถผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันทำงานและพักคอย ต้องควบคุมปริมาณรถบริเวณจุดตรวจให้ดีไม่ให้ส่งผลกระทบสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนผู้สัญจรในเส้นทาง
สำหรับข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิค-19 นั้น ขอให้ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี จงตื่นตัว แต่อย่าได้ตื่นตระหนก และขอให้คอยติดตามข่าวสารข้อเท็จจริงจากหน่วยงานภาครัฐ อย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญหากได้รับข้อมูลข่าวสารจากกลุ่มไลน์หรือทางเฟซบุ๊กก็ขอให้ตรวจสอบหรือสอบถามข้อเท็จจริงจากกระทรวงสาธารณะสุขเสียก่อน ก่อนที่จะส่งต่อ เพราะหากเป็นข่าวปลอมอาจจะสร้างความวิตกให้กับบุคคลอื่นได้ ”พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เผย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวกาญจน์แห่เข้าไปให้กำลังใจ เพจเฟซบุ๊กโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โรงพยาบาลประจำจังหวัดกาญจนบุรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี และทั่วประเทศ ได้รับทราบถึงการลงพื้นที่ปฏิบัติการสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด-19 จากกลุ่มเสี่ยงตามสถานที่ต่างๆโดยเฉพาะโรงงานที่มีแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา รวมทั้งยกทีมบุคลากรทางการแพทย์ไปช่วยเหลือในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเขตพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดต้นทางการแพร่ระบาดใหม่ของเชื้อโควิด-19 อีกด้วย
โดยในเพจโรงพยาบาลพหลฯ ได้นำภาพบุคลากรทางการแพทย์โพสต์ประกอบในเพจ พร้อมระบุว่า “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ทีมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรีได้ร่วมกับทีมจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี และโรงพยาบาลมะการักษ์ ลงปฎิบัติงานในพื้นที่ตลาดเคหะนาดี จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อเก็บตัวอย่างคัดกรองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า covid-19 แก่ประชาชนและแรงงานต่างด้าวกลุ่มเสี่ยงที่พักอาศัยอยู่ในชุมชนแห่งนี้ จำนวน 1,000 คน
#ทัพหน้าสู้โควิด
#COVID19
#PHAHOLPOLPAYUHASENA
ต่อมาโพสต์ระบุว่า “ทีมปฏิบัติการโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนาร่วมกับสาธารณสุขอำเภอและรพสต.แก่งเสี้ยน ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างจากแรงงานต่างด้าวที่ทำงานและพักอาศัยในเขตอำเภอเมืองเพื่อค้นหาผู้ป่วยที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและต้องเฝ้าระวังการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า COVID-19 การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในชุมชน ที่เรียกว่า Active Case Finding ซึ่งดำเนินการเพื่อค้นหาผู้ป่วยตั้งแต่ยังไม่มีอาการ หากเจอเคสที่ผลเป็นบวกจะได้ดำเนินการแยกกักเพื่อลดการติดเชื้อไม่ให้กระจายในวงกว้าง โดยในครั้งนี้ได้เก็บตัวอย่าง swab จากแรงงานต่างด้าวทั้งหมด 110 ราย เพื่อส่งตรวจด้วยวิธี Real time RT-PCR