ผบช.สอท. ร่วบกับภาคส่วนเกี่ยวข้อง จับสินค้าจําหน่ายทางออนไลน์ไม่ได้คุณภาพ มูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
27 ธ.ค. 2563, 13:44
ตามนโยบาย ผบ.ตร. ให้เน้นการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีซึ่งกําลังมีเพิ่มมากขึ้น และตามนโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในการร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมทาง เทคโนโลยีนั้น ในวันนี้ (๒๗ ธ.ค.๖๓) เวลา ๑๑.๐๐ น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.๓, พล.ต.ต.วัชรินทร์บุญคง ผบก.ปส.๒, พ.ต.อ.ธนันชัย เพียรช่าง รอง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.ยิ่งยศ พลเดช ผกก.สภ.สีคิ้ว จว.นครราชสีมา, พ.ต.อ.เกรียงไกร รับงาม ผกก.๑ บก.สอท.๓ และ พ.ต.อ.นิคม ชัยเจริญ ผกก.กก. ๓ บก.สอท.๓ ร่วมกันแถลงข่าว ดังนี้
สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจํานวนมากว่า สินค้าที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์เป็น สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับตามที่โฆษณาไว้ในเว็บไซด์ต่างๆ ในการนี้ผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตํารวจกองบัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีออกตรวจสอบ เฝ้าติดตาม สืบสวนและหาข่าว จับกุมผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับการสั่งซื้อและนําเข้าสินค้าผ่าน สื่อออนไลน์ที่มิได้เสียภาษีหรือนําเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หากพบการกระทําผิดให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดําเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๓ เจ้าหน้าที่ตํารวจได้รับเบาะแส และได้ทําการตรวจสอบหาต้นทางของสินค้าที่นํามาจําหน่ายทางช่องทางออนไลน์โดยพบว่า มีการลักลอบขนส่งสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน เข้ามาในราชอาณาจักร โดยมีการนําเข้ามาทาง จังหวัดมุกดาหาร และจังหวัดนครพนม โดยใช้ยานพาหนะ รถกึ่งพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์และรถบรรทุกสิบล้อ จํานวนทั้งหมด ๓ คัน เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ร่วมกันเฝ้าติดตาม จนเมื่อมาถึงเขตอําเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา บริเวณ ถนนทางหลวงหมายเลข ๒ ถนนมิตรภาพ หมู่ที่ ๕ ตําบลลาดบัวขาว อําเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา จึงได้ส่งสัญญาณให้ยานพาหนะทั้ง ๓ คันดังกล่าวหยุดเพื่อร่วมกันทําการตรวจสอบ จากนั้นให้ผู้ควบคุมยานพาหนะ เป็นผู้นําตรวจสอบภายในรถบรรทุกและตู้คอนเทนเนอร์จากการตรวจสอบพบสินค้าหลายรายการ อาทิเช่น โดรนบังคับ นํ้าหอม กระเป๋าแบรนด์เนม อุปกรณ์ทางการแพทย์ฟิล์มกรองแสง รองเท้า แบตเตอรี่ เป็นต้น โดยมีมูลค่าสินค้าร่วมกว่า ๖๐ ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงได้ตรวจสอบใบเสร็จรับเงินจากกรมศุลกากรและใบขนส่งสินค้าขาเข้าพร้อมแบบแสดงรายการภาษีสรรพสามิตและภาษีมูลค่าเพิ่ม พบว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งเป็นเจ้าของสินค้า จากการตรวจสอบเอกสาร ดังกล่าวพบรายการสินค้าในใบขนส่งสินค้ากับสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวไม่ตรงตามเอกสาร และสินค้าดังกล่าว มีอักษรของภาษาต่างประเทศทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการไม่ปฏิบัติตามหรือฝ่าฝืนกฎหมาย ตํารวจไซเบอร์ตรวจยึดสินค้าหนีภาษีและสินค้าลอกเลียนแบบที่จะนํามาจําหน่ายทางช่องทางออนไลน์ รวมมูลค่ากว่า ๖๐ ล้านบาท
๒. เนื่องจากรายละเอียดสินค้าที่บรรทุกมีแหล่งกําเนิดจากประเทศจีนนั้น กฎหมายกําหนดให้สินค้าที่สั่งนําเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายกําหนดให้เป็นสินค้าควบคุมฉลาก และต้องแสดงฉลากเป็นภาษาไทย ทั้งนี้ผู้ควบคุมยานพาหนะให้การว่าตนเป็นเพียงคนขับรถโดยรับจ้างจาก บริษัทด้านโลจิสติกส์แห่งหนึ่งและนําเอกสารสัญญาว่าจ้างขนส่ง ลงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดตรวจยึดจึงทําการตรวจยึดสินค้าเพื่อแจ้งให้เจ้าของสินค้านําเอกสารเกี่ยวกับสินค้ามาแสดงและร่วมตรวจสอบสินค้าพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้ตรวจยึด เพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป ในการตรวจยึดครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตํารวจชุดตรวจยึด จึงได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดําเนินคดีกับบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของสินค้าดังกล่าว ในความผิดฐาน ๑. ร่วมกันมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เครื่องหมายการค้า ปลอมของบุคคลซึ่งได้จดทะเบียนไว้ในราชอาณาจักร พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.๒๕๓๔ ๒. ร่วมกันนําเข้าสินค้าที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร ๓. ร่วมกันสําแดงเท็จ เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป