เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เปิดโครงการภาครัฐ ปี 2563 "คนละครึ่ง" มาแรงแซงทางโค้ง !


28 ธ.ค. 2563, 11:16



เปิดโครงการภาครัฐ ปี 2563  "คนละครึ่ง" มาแรงแซงทางโค้ง !




ตลอดทั้งปี 2563 รัฐบาลไทยได้มีการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือโอบอุ้มประชาชน หลายโครงการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านถูกทั่วไทย มาตรการลดภาระภาษีเพื่อที่อยู่อาศัย โครงการบ้านดีมีดาวน์ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2562/63
โครงการคลินิกแก้หนี้ระยะที่ 3 โครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63
โครงการ “บ้านคนไทยประชารัฐ” บนที่ดินราชพัสดุ โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉินระยะที่ 2 โครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ให้ผู้มีรายได้น้อย
โครงการขยายอายุเกษียณ 63 ปี โครงการสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง  โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 โครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลัง ปี 2563/64 โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2563/64 โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ปี 2562/63 โครงการตู้เย็นข้างบ้านต้านภัย COVID-19 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้มีบัตรฯ) โครงการที่พักอาศัยผู้สูงอายุ รามาฯ-ธนารักษ์ รวมไปถึง 3 โครงการสำคัญในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2563 ที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นั่นก็คือ 


1. โครงการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท
2. โครงการเราเที่ยวด้วยกัน
3. โครงการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนออกครึ่งหนึ่งและรัฐบาลออกอีกครึ่ง (Co-pay)
4. โครงการช้อปดีมีคืน กระตุ้นการบริโภคประชาชนประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 
นับว่าเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ร้านค้ารายย่อย ผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย รวมถึงเป็นการสนับสนุนเศรษฐกิจฐานรากและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ 

 



สำหรับโครงการคนละครึ่ง ขณะนี้มี 2 เฟส เฟสที่ 1 ได้เริ่มเปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2563 จำนวน 10 ล้านคน และสามารถใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 23 ตุลาคม 2563 ส่วนเฟสที่ 2 เปิดให้ลงทะเบียนแล้ว ตั้งแต่ 16 ธันวาคม 2563 เพื่อรับสิทธิอีก จำนวน 5 ล้านคน รวมเป็น 15 ล้านสิทธิ

 

โดยระยะเวลาการใช้สิทธิ
เฟส 1 จะมีระยะเวลาในการใช้จ่าย 23 ตุลาคม 2563 – 31 มีนาคม 2564
เฟส 2 จะมีระยะเวลาในการใช้จ่าย 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2564

ข้อกําหนดและเงื่อนไขของผู้ที่ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครการ คนละครึ่ง
1. ต้องมีสัญชาติไทย มีบัตรประจําตัวประชาชน
2. อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ในวันที่ลงทะเบียน
3. ใช้จ่ายผ่านระบบแอปพลิเคชั่น “เป๋าตัง”

ลงทะเบียนโครงการ คนละครึ่ง สำหรับร้านค้า
สําหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วม โครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร/เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อ ที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมายร้านค้าจํานวนประมาณ 100,000 ร้านค้า โดยร้านค้า สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com โดยเลือกหัวข้อลงทะเบียนสำหรับร้านค้า หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย โดยต้องขึ้นทะเบียน “ถุงเงิน” เท่านั้น


รายละเอียดโครงการ คนละครึ่ง
1. มาตรการ "คนละครึ่ง" รัฐบาลให้วงเงินผู้เข้าร่วมโครงการคนละ 3,000 บาท เพื่อไปซื้อของ โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการต้องออกเงินของตนเองครึ่งหนึ่ง หรือ 50% มาใช้ร่วมกับเงินของรัฐบาล เช่น ถ้าซื้อสินค้า 100 บาท ผู้เข้าร่วมโครงการต้องจ่าย 50 บาท รัฐจ่าย 50 บาท
2. หากผู้เข้าร่วมโครงการ ต้องการใช้เงินที่รัฐให้ทั้งหมด 3,000 บาท ผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีเงินในกระเป๋าตัวเอง 3,000 บาทด้วยเช่นกัน
3. เงินจำนวนดังกล่าวสามารถนำมาจ่ายใช้สอยในสินค้าประเภท อาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ไม่รวมล็อตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการบริการ
4. จำกัดสิทธิ์ไม่เกิน 150 บาท/วัน/คน โดยที่ยอดรวมการใช้สิทธิ์ "คนละครึ่ง" ไม่เกิน 3,000 บาท ตลอดโครงการ ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ของธนาคารกรงุไทยเท่านั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- พรุ่งนี้แล้ว! เปิดลงทะเบียน คนละครึ่ง รัฐสนับสนุนเงิน 3,000 บาท

- คนแห่ลงทะเบียน "คนละครึ่ง" เต็มโควต้า 10 ล้านสิทธิแล้ว

"คนละครึ่ง" เตรียมเปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่อีกครั้ง 10 พ.ย. นี้

เตือนช้อป "คนละครึ่ง" ครั้งแรก ภายใน 14 วัน ป้องกันการถูกตัดสิทธิ

- เตรียมตัวเลย "โครงการคนละครึ่ง" เตรียมเปิดรอบ 2 วันที่ 11พ.ย. นี้






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.