มท.1 ไม่ประมาทภัยแล้ง สั่งการเตรียมปริมาณน้ำให้เพียงพอถึงพฤษภาคมปีหน้า
30 ก.ค. 2562, 10:34
พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่โซเชียลมีเดียยกให้เป็นหนึ่งในผู้ชี้แจงนโยบายรัฐบาลดีเด่น ว่า การอภิปรายนโยบายรัฐบาลมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาลหลายเรื่อง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาให้เกษตรกร ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องดีที่ผู้แทนมีแนวคิดในการแก้ปัญหาให้เกษตรกรและรัฐบาลต้องรับมาพิจารณาว่ามีเรื่องใดที่ทำไปแล้ว เรื่องใดที่ไม่สามารถทำได้ ติดขัดปัญหาใด ซึ่งต้องหารือในกระทรวง ทั้ง ประมง เกษตร และที่ดิน
ส่วนการแบ่งงานของกระทรวงมหาดไทยนั้น รัฐมนตรีทั้ง 3 คน ต้องหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้ทำตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งเป็นนโยบายพื้นฐาน จากนั้นจะพูดคุยคำแถลงนโยบายรัฐบาลว่าส่วนใดเกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทยจะทำงานควบคู่ไป และนำนโยบายจาก 2 พรรคร่วมรัฐบาลมาพูดคุยกัน หากมีส่วนใดต้องนำเข้า ครม. ก็พร้อมจะผลักดัน ขณะที่การทำงาน ของรัฐมนตรีทั้งสามคน จะแบ่งกันกำกับดูแลกรมต่างๆ เพื่อควบคุมประสิทธิภาพการทำงาน ให้เกิดความโปร่งใส หากท่านใดจะเสนอแนวทางการทำงานที่เป็นประโยชน์ข้ามกรมที่ดูแลได้ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องนำเรื่องมาหารือกันก่อน
พลเอก อนุพงษ์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้จะหารือถึงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งจากการติดตามพบว่า มีการคาดการณ์ปริมาณฝนที่จะตกลงมาช่วยให้เพิ่มปริมาณน้ำกักเก็บได้ ขั้นต่อไปคือการบริหารจัดการน้ำ หากฝนตกใต้เขื่อนก็จะลดการระบายน้ำลง ซึ่งจะส่งผลกับเกษตรกรที่ดำเนินการเพาะปลูกไปแล้ว ว่าจะบริหารน้ำอย่างไรให้เพียงพอ และต้องประเมินว่าปริมาณน้ำที่มีจะเพียงพอถึงต้นเดือนพฤษภาคมปีหน้าหรือไม่ ซึ่งเรื่องปริมาณน้ำตนจะไม่ประมาทแน่นอน โดยได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำหลายพื้นที่
เบื้องต้นได้แจ้งเตือนประชาชนและเกษตรกรว่า ควรปลูกพืชชนิดใดให้เหมาะสมกับสถานการณ์น้ำ ซึ่งบ้างพื้นที่ได้เสนอให้ปลูกพืชทดแทน เช่น ถั่ว เพราะข้าวใช้น้ำมากหากปลูกไปแล้วเกษตรกรจะได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ยังเตรียมเครื่องมือให้การช่วยเหลือ ทั้งน้ำอุปโภคและบริโภค สำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีงบสำรองในการแก้ปัญหาภัยแล้งเบื้องต้น
พลเอก อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงข้อห้ามไม่ให้ ส.ส. ดำรงตำแหน่งข้าราชการทางการเมืองว่า ต้องทำตามกฎหมาย ต้องเลือกเอา ซึ่งไม่มีปัญหากับบุคลากรที่จะเข้ามาทำงานให้รัฐบาล เพราะประเทศไทยมีคนที่จะสามารถทำงานได้เยอะ