ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากกรณีกล้องวงจรปิดภายในร้านทองแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา พบคนร้ายรูปร่างสูงผอม ผิวขาว ใส่หมวกแก๊ป และใส่แมสก์ปิดบังใบหน้า สวมเสื้อสีแดง กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ ทำทีมาเลือกซื้อสร้อยทอง น้ำหนัก 2 บาท เพื่อจะไปเป็นของขวัญปีใหม่ ก่อนจะทำถ้าพูดคุยโทรศัพท์ และวางสายหลังจากนั้นก็จ้องมองสร้อยคอทองคำอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากร้านไปอย่างลอยนวลท่ามกลางพนักงานที่อยู่ในร้านเป็นหญิงจำนวน 3 คน ถึงกับตกใจและพยายามวิ่งขอร้องให้คนช่วย ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำ ทางตำรวจ สภ. สูงเนิน ได้มีการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุวิ่งราวทองคำหนัก 2 บาท ได้ที่บ้านพักภายในตัวอำเภอสูงเนิน ทราบชื่อ นายศุภวัฒน์ อินทิแสนหรือนายปาล์ม อายุ 30 ปี เป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอสูงเนิน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพทำข่าวแต่อย่างใด เนื่องจากว่าต้องการสืบสวนเชิงลึกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลในร้านทองหรือไม่ ซึ่งการสอบสวนทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นคนที่ชอบเล่นการพนันและติดหนี้อยู่ 15,000 บาท ซึ่งถูกเจ้าหนี้บีบบังคับต้องหาเงินมาจ่าย ไม่งั้นจะมีการขู่ทําร้ายร่างกาย จึงทำให้เป็นชนวนเหตุในการก่อเหตุในครั้งนี้ หลังจากที่มีการวิ่งราวทรัพย์ได้สำเร็จ ได้มีการนำสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทไปจำนำไว้ที่ร้านเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตพื้นที่ตำบลโพธิ์กลาง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท แนะนำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้หนี้ แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมได้ที่บ้านพักของตนภายในพื้นที่อำเภอสูงเนิน ซึ่งในระหว่างที่ก่อเหตุไม่ได้มีการเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่อย่างใด ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุเพียงคนเดียว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะในการก่อเหตุก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

 

สอบถามคุณแพรวพรรณ ฉวีกัลยากุล เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนก็รู้สึกดีใจมากที่ทางตำรวจได้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางร้านก็เคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว ตอนเปิดร้านใหม่ๆ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สูงเนิน ก็ได้ตามจับตัวผู้ต้องหามาได้สำเร็จ หลังจากนี้มาตรการการป้องกันก็จะทำการดูกล้องวงจรปิดในจุดที่ยังมองไม่เห็นคนร้ายและมีคนแนะนำว่าให้ติดประตูนิรภัยเป็นประตูกระจกเหมือนร้านทองที่ทำทั่วไปด้วย จะเป็นการดีในการป้องกันภัยโจรวิ่งราวได้ดีที่สุด

ด้านนางสุมาลี จารุวัฒนสกุล ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตอนนั้นเห็นโจรวิ่งออกมานอกร้านแล้วมีการหยุดชะงักมองตนเองก่อน ตนเห็นว่าในมือถือทองและท่าทางมีพิรุธวิ่งออกมาตนจึงได้ตะโกนว่าขโมยๆ หลังจากนั้นโจรก็วิ่งหนีไป ตอนนั้นสังเกตหน้าไม่ชัด แต่คิดว่าโจรไม่น่าจะใช่คนแถวนี้แน่นอน แต่โชคดีที่ไม่มีการใช้อาวุธเกิดขึ้นไม่งั้นคงจะเป็นเหตุสะเทือนขวัญอย่างแน่นอน