วันที่ 29 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา มีหนุ่มใหญ่ขับรถเก๋งสีขาวเข้ามาบริเวณปั้มน้ำมัน ลักษณะวนรอบหัวจ่ายน้ำมัน  จากนั้นไปจอดบริเวณหัวจ่ายน้ำมัน แก๊สโซฮอล์ 95 บอกกับเด็กปั้ม เติมเต็มถัง ขณะที่เด็กปั๊ม สังเกตเห็นว่า มีผ้า 1 ผืน ปิดบังทะเบียนไว้ที่ท้ายรถ แต่ก็คิดว่า คงไม่มีเจตนาอะไรแอบแฝง 

นายยุทธพิชัย สาธุดี อายุ  21 ปี เด็กปั้ม เล่าว่า  เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ ชาย 50ปีเศษ บอกว่า ขอไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ขณะนั้นตนเองวุ่นวายกับลูกค้ารายอื่น จึงให้เพื่อนพนักงานตามไปเก็บเงิน จำนวน 1,080 บาท แต่รถเก๋งคันดังกล่าวกลับขับหลบหนีออกไปจากปั้มน้ำมันอย่างรวดเร็ว  ตนเองจึงขี่รถจักรยานยนต์ของเสมียนขี่ไล่ติดตาม ไปเกือบ 10 กิโลเมตร  ซึ่งระหว่างทางได้แวะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บริเวณเต้นท์บริการประชาชนว่ามีรถยนต์เก๋งสีขาวขับหลบหนีมา โดยเติมน้ำมันแล้วไม่จ่ายเงินให้วิทยุสกัดจับ รถคันดังกล่าวด้วย  

จากนั้น ตนเองก็ขี่จักรยานยนต์ไล่ตามต่อจนมาพบว่า รถเก๋งสีขาวคันดังกล่าวจอดติดสัญญาณไฟอยู่แยกเข้าโรงพยาบาลกลางเมืองสระบุรี ซึ่งตนเองจำรถเก๋งคันดังกล่าว ได้ จากผ้าผืนดังกล่าวที่ปิดทะเบียนไว้ ช่วงที่รถคันดังกล่าวเข้าเติมน้ำมันก่อนขับหนีออกมา  ตนเองจึงรีบจอดรถจักรยานยนต์ พร้อมทั้งรีบเดินมาด้านข้างคนขับเก๋ง ซึ่งก็โชคดี ที่ชาย 50ปีเศษ เปิดกระจกฝังคนขับไว้ ขณะสูบบุหรี่ อยู่อย่างสบายใจ  จึงเอื้อมมือไปดึงกุญแจรถออกมาถือไว้พร้อมทั้งรีบโทรศัพท์แจ้งตำรวจ 

ซึ่งจากเหตุการณ์บริเวณแยกสัญญาณไฟดังกล่าว ถูกพลเมืองดีที่อยู่บริเวณแยกดังกล่าว ใช้โทรศัพท์ ถ่ายเหตุการณ์ ดังกล่าวไว้ได้ ขณะที่เด็กปั้มกำลังชุลมุนแย่งกุญแจรถยนต์ กับหนุ่มใหญ่ที่ เติมน้ำมัน แล้วไม่จ่ายเงิน  

พลเมืองดี เล่าว่า ขณะนั้นตนเองอยู่บริเวณร้าน และกำลังเดินไปที่รถของร้านได้ยินเสียงโวยวายลักษณะ เหมือนกำลังทะเลาะโต้เถียงกัน ตนเองจึงหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ ซึ่งตอนแรกตนเองยอมรับว่าไม่รู้ว่า เป็นเรื่องอะไร หลังเหตุการณ์สงบ จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุ เด็กปั๊มที่ขี่จักรยานยนต์ไล่ติดตามมาบอกกับตนเอง หนุ่มใหญ่คนดังกล่าวขับรถเก๋งสีขาวเติมน้ำมันแล้วไม่จ่ายเงิน แล้วขับหลบหนีมา ตนเองจึงทราบเรื่อง พร้อมทั้งนำคลิปดังกล่าวมอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อไว้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดี  รวมกับกล้องวงจรปิดที่บันทึก พฤติกรรมของหนุ่มใหญ่ภายในปั้ม  เพื่อดำเนินคดีที่สภ.เฉลิมพระเกียรติ   

ล่าสุดหนุ่มใหญ่โทรศัพท์ให้ญาติ นำเงินมาจ่ายชดใช้ค่าน้ำมันให้กับทางปั๊มน้ำมันแล้ว จำนวน 1,080 บาท  ส่วนทางคดี ตำรวจยังคงต้องดำเนินคดีต่อในข้อหาลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายต่อไป