หมอเผยเหตุการณ์ยากลำบาก เสี่ยงทำคลอดฉุกเฉินแม่เด็กติดเชื้อโควิด-19
7 ม.ค. 2564, 09:29
ปรากฏเป็นเรื่องราวที่กำลังได้รับความสนใจถูกแชร์ส่งต่อในโลกสังคมออนไลน์อย่างแพร่หลาย เมื่อมีคุณหมอท่านหนึ่ง ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า
Nopparat Sutarapanakit ได้ออกเผยแพร่เรื่องราวความยากลำบาก เมื่อเจ้าหน้าที่ บุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลเล็ก ๆแห่งหนึ่ง ในพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องทำคลอดฉุกเฉินให้กับคุณแม่รายหนึ่ง ซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นการทำคลอดภายใต้ความเสี่ยงของทั้งเด็กที่กำลังจะเกิดมา รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์อีกหลายชีวิต
"สุขสันต์วันเกิด น้องโควิดา" (ชื่อนี้หมอ ๆ ตั้งให้เองน้า) ความตื่นเต้นเริ่มจาก แม่ covid positive GA 36 +2 with IUGR ประเมิน น้ำหนักลูก 2,100 กรัม ติดมาจากพ่อที่ทำงานตลาดทะเลไท ทั้งแม่ ทั้งหมอทุกคนเครียด แค่ป้องกันโควิด-19 ก็ลำบากแล้วนี่ต้องเตรียมรับแม่ที่จะคลอดได้ตลอดเวลา เวลา 1-2 อาทิตย์ สำหรับการเตรียมการถือว่าน้อยมาก ๆ มันเครียดสำหรับทุกฝ่าย สำหรับโรงพยาบาลอำเภอเล็ก ๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ปัญหาเริ่มจากเด็กตัวเล็ก ไม่ครบกำหนดคลอด อาจจะคลอดเมื่อไหร่ก็ได้ พ่วงมาด้วยโควิด-19 ที่ใคร ๆ ก็กลัวไม่อยากเป็น
เริ่มต้นด้วย หมอเมดบอก คนท้องคือ high risk (มีความเสี่ยงสูง) สำหรับโควิด-19 เพราะยาที่ให้มีข้อจำกัด เพราะยังไม่ถึง 37 สัปดาห์ หมอเมด หายากันให้วุ่น ไม่รู้ต้องให้เมื่อไหร่ ถึงช่วยลด viral load (ปริมาณเชื้อไวรัส) เนื่องจากยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่โชคยังดี แม่อาการดีไม่มีปอดอักเสบ พอผล positive ก็ admit หมอทุกแผนก สูติ เด็ก เมด ลุ้นกันทุกคืน ใจก็อยากดึงให้ถึง 38 สัปดาห์ เพราะไม่อยากให้เด็กเกิดมาแล้วมีปัญหาเรื่องการหายใจ ถ้าต้อง ใส่ ETT อาจแพร่ให้เจ้าหน้าที่ที่ดูแลได้ แถมแม่ admit 31 ธันวาคม ยอมรับว่าเป็นวันสิ้นปีที่ลุ้นตลอดเวลา หมอหลายแผนกไปไหนไม่ได้ ต้อง stand by เผื่อภาวะฉุกเฉิน ผ่านไปแต่ละวันอย่างเนิ่นนาน มีการประชุม หาข้อสรุปว่าจะวางแนวทางรักษาทั้งแม่ และลูก รวมทั้งแนวทางป้องกันเจ้าหน้าที่ทุกคนให้เสี่ยงน้อยที่สุด ยื้อได้ 5 วัน น้องโควิดาก็อยากเกิด แม่เริ่มเจ็บท้อง
การประชุมทั้งทีมเกิดความเครียด ตกลงไม่ได้ว่าจะทำไงดี จะเลือกความปลอดภัยของแม่ หรือ ลูก แถมพ่วงด้วยความเสี่ยงของการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น หมอทุกแผนก ปรึกษาอาจารย์ ในรร.แพทย์ เผื่อหาแนวทางการดูแลที่ดีที่สุด เรียกว่า อ่านหนังสือ guildline paper เยอะแบบไม่เคยทำมาก่อน และทีมก็ตัดสินใจยอมให้หนูน้อย โควิดา คลอด ตอน GA 37 สัปดาห์ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เจ็บท้องคลอดกันใน ward Covid ซึ่งสถานที่ไม่อำนวยในการคลอด และเสี่ยงสำหรับเจ้าหน้าที่มากมายนับไม่ถ้วน
หมอสูติ คิดหนัก เพราะหมอเด็กอยากรอถึง 38 สัปดาห์ หมอเมดอยากรอให้ ครบ 10 วันหลังจาก positive แต่หมอสูติบอกไม่ได้เลยว่าลูกจะอยากเกิดวันไหน ถ้าเกิดคลอดนอกเวลา เจ้าหน้าที่จะยิ่งไม่พร้อม ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นมหาศาล แล้วยังคิดว่าจะหาใครมาเลี้ยงเด็กเพราะพ่อแม่ยังไม่ครบกักตัว 28 วัน ได้คุณยายวัย 72 ปี ก็ยังดี แต่คงต้องเน้นเรื่องการป้องกันตัว ถ้าพ่อแม่ได้กลับบ้าน ไม่อย่างนั้นถ้าติดหลังคลอด หมอเด็กก็เครียดอีก
หมอเด็ก กลัวถ้า C/S 37 week without labour pain (การคลอดก่อนกำหนด) ปัญหาของเด็กตัวเล็ก รออยู่อีกมากมายที่กลัวที่สุดคือเรื่องการหายใจ ( TTN ) แต่ต้องยอมแลกกับความเสี่ยงที่จะคลอดแบบฉุกเฉินกลางดึก ซึ่งไม่มีความพร้อม หมอเมดก็เครียด เรื่องการให้ยา ลดการความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ จัดหาที่ให้อยู่ ( ตอนนี้ คนไข้ Covid เยอะจนล้น ตอนนี้ก็ให้นอนห้องละ 3 คนอยู่แล้ว )
หลังจากปรึกษากันเสร็จ สรุปได้วันผ่าตัดคลอด การเตรียมการใหญ่ ทั้งเตรียมทีม เตรียมห้อง เตรียมอุปกรณ์ (พันพลาสติกกันปนเปื้อน เพราะหลายอย่างต้องนำกลับมาใช้ซ้ำ) มหาศาล เจ้าหน้าที่ฝึกซ้อมแผนใหญ่ก่อนผ่าตัด 1 วัน ตั้งแต่ set ผ่าตัด เวรเปลพาแม่เข้า OR ปิดทางเดิน แม่บ้านตามทำความสะอาดสถานที่ที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายซ้อมใส่ชุดหมี ยากสุดตอนทำให้ N95 ฟิตกับหน้าไม่ให้มี leak ทำไงให้ถอดชุดง่าย ลดการปนเปื้อน คนที่ใส่แว่นหา สก็อตเทปติดกันแว่นหลุด ทำยังไงไม่ให้เกิดฝ้าที่แว่นและ face shield มันยากไปหมด
พี่หมอสูติติด micropore อยู่หลายรอบ เวลาถอด N95 ไม่ให้ contaminate (ปนเปื้อน) ดึงจนหนังหน้าหนังขอบตาล่างจะหลุดออกมา ถลอกไปหมด ส่วนหมอเด็กทีมรับเด็กก็ต้องหาวิธีคล้อง stet ไว้ตลอดเวลา จนเจ็บหู รูดชุดหมีคลุมให้มิดที่สุด แค่วันซ้อม ก็ใช้อุปกรณ์มากมาย พอถึงวันจริง สรุป ทั้งหมอสูติ หมอเด็ก นอนไม่หลับ กลัวสารพัด คิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทุกรูปแบบเพื่อหาทางป้องกันไว้ก่อน หมอดมยาก็คงเครียดเหมือนกัน เพราะต้อง spinal block (ฉีดยาชา) ให้สำเร็จอย่างเดียว ทั้งทีมต้องไม่ให้มีข้อผิดพลาด ซึ่งถ้าผิดพลาดนิดเดียวหมายถึงเจ้าหน้าที่เกือบ 30 ชีวิต มีโอกาสติดเชื้อ และคนทำงานคงหายไปหลายคน
ในช่วงวิกฤตแบบนี้ ยิ่งขาดใครไม่ได้เลย ไม่คิดว่า จะมาถึงจุดนี้เลยจริง ๆ ที่เล่ามายาว อยากไว้เตือนตัวเอง และอยากถ่ายทอดว่า ถ้าคุณแม่เป็นโควิด-19 (ไม่ได้หมายถึงคุณแม่ท่านนี้นะคะ คุณแม่ท่านนี้น่ารักมาก ติดมาจากสามีที่ได้มาจากการทำงาน เจ้าหน้าที่ทุกคนเข้าใจ และอยากให้ทั้งคุณแม่ และคุณลูกปลอดภัยค่ะ) ไม่ใช่แค่ครอบครัวที่เครียด หมอ ๆ เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้นก็เครียดมากกว่าหลายเท่า ดังนั้น ช่วยกันระวังอย่าให้ตัวเองเป็น ถ้าเสี่ยงมาอย่าปกปิด ให้บอกเจ้าหน้าที่ให้หมด ให้คิดว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนก็มีพ่อแม่ ลูก เมีย ที่เค้าต้องดูแล เค้าเสียสละหลายสิ่งเพื่อทุกคนปลอดภัย
ใส่ mask ล้างมือ อย่าปกปิดประวัติ นึกว่าช่วยบุคลากรทางการแพทย์นะคะ save บุคลากรทางการแพทย์แล้วเราทุกคนจะ save คุณเต็มที่ค่ะ วันนี้ได้เห็นทุกฝ่ายทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย มันสุดยอดมาก ๆ ค่ะ วันนี้เป็นอีกวันที่ภูมิใจมาก รู้สึกการรับเด็กกับทีมครั้งนี้มันยิ่งใหญ่และน่าจดจำที่สุด ทุกบทเรียนวันนี้จะพยายามหาจุดบกพร่องเพื่อแก้ไขปรับปรุง เพราะรู้ว่าเดี๋ยวก็คงมีเคสอีกในพื้นที่สีแดงเข้ม