เมื่อกลางดึกของวันที่ 30 ก.ค.62 ผู้สื่อข่าว onb news รายงานว่า พ.ต.ต.มณีภัทร์ เพ็งเกร็ด สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่าเกิดอุบัติเหตุรถ จยย.ล้มคว่ำมีผู้เสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบนถนนสายกาญจนบุรี-ไทรโยค หมู่ 9 บ้านหนองสามพราน ต.วังด้ง อ.เมืองฯ

    

หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมประสานแพทย์เวร รพ.พหลพลพยุหเสนา ร่วมกับมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพพบว่า บนถนนสายดังกล่าว ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 84 บวก 300 มีร่างของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายนอนหงายจมกองเลือดอยู่ในสภาพกะโหลกศีรษะด้านหน้าตรงช่วงหน้าผากแตกเป็นบาดแผลฉกรรจ์ เนื่องจากถูกกระแทกอย่างรุนแรงจนลำคอหัก ตามร่างกาย แขนขามีร่องรอยถลอกคล้ายถูกครูดไปกับพื้นถนน

    

จากจุดที่พบศพห่างไปประมาณ 20 เมตรในดงต้นกกริมถนนพบรถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้าไอ125 ซีซี.สีน้ำเงินเทา หมายเลขทะเบียน ขทท.-26 กาญจนบุรี อยู่ในสภาพล้มคว่ำเปิดสัญญาณไฟเลี้ยวด้านซ้ายอยู่ ด้านข้างซ้ายของตัวรถมีร่องรอยเสียหาย ที่บริเวณหัวเบาะที่นั่งมีหมวกกันน๊อคแบบชนิดเต็มใบวางเหน็บอยู่ 1ใบ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ช่วยกันนำศพไปเก็บรักษาไว้ที่ รพ.ฯ เพื่อรอญาติมาติดต่อขอรับศพไปจัดการตามประเพณีทางศาสนา

     

เพราะญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย ส่วนรถ จยย.คันที่ประสบอุบัติเหตุนำไปเก็บรักษาไว้ที่ สภ.ฯ จากการสอบสวนทราบชื่อผู้ตายรายนี้ชื่อนายธนกฤต ชาวดร อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 86/305 หมู่ 8 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เบื้องต้นทราบว่าผู้ตายมีอาชีพทำงานเป็นครูรร.สอนขับรถยนต์ชื่อ"ตุ๋ยสอนขับรถยนต์" รร.ชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.กาญจนบุรี

    

จากการสอบสวนปากคำบรรดาเพื่อนๆ ของผู้ตายที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ หลังเลิกงาน นายธนกฤต ผู้ตายกับเพื่อนๆ ได้ชักชวนกันขับขี่รถ จยย.รวม 4 คันเพื่อจะเดินทางไปเที่ยวเมืองโบราณชื่อดังที่ตั้งอยู่ ต.ปากกิเลน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุอยู่ๆ รถ จยย.ของผู้ตายซึ่งผู้ตายขับขี่มาเป็นคันที่ 3 โดยมีเพื่อนขับขี่รั้งท้ายอีก 1 คันก็เสียหลักล้มลง ทำให้ร่างของผู้ตายกระเด็นตกจากรถ ทำให้ศีรษะและลำตัวฟาดกับพื้นถนน ส่วนรถลื่นไถลตกลงไปในดงกอกกข้างท้าย ขณะเกิดเหตุได้มีรถพยาบาลของ รพ.สังขละบุรี ซึ่งกำลังนำผู้ป่วยจะไปส่ง รพ.ในตัวเมืองกาญจนบุรี วิ่งผ่านมาพบเข้าจึงจอดรถลงมาดู เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถจึงช่วยกันปั้มหัวใจเพื่อช่วยเหลือชีวิต แต่ก็พบว่าสัญญาณชีพจรไม่เต้นเสียชีวิตแล้ว บรรดาเพื่อนๆผู้ตายกล่าวในตอนท้ายว่านี่ถ้าหากผู้ตายสวมหมวกกันน๊อค จากหนักก็คงจะเป็นเบาไม่ถึงกับล้มหายตายจากอย่างแน่นอน เพราะขณะที่รถของผู้ตายเสียหลักล้มลงและลื่นไถลตกลงไปในดงกอกกซึ่งมีต้นหญ้ารองรับแรงกระแทกร่าง ก็คงไม่เสียชีวิต