เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 15 ม.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.รัฐพล เดชนรสิงห์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองบึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ. บึงกาฬ ขณะปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรบนโรงพัก ได้มี นางสุมาลี โพธิสว่าง อายุ 66 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 12 หมู่ 1 ต.วิศิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ ได้เดินทางขึ้นมาแจ้งความด้วยใบหน้าปูดบวมฟกช้ำว่า เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงวันก่อน ขณะที่ผู้แจ้งนอนพักอยู่ในบ้านได้มีแก๊งทวงหนี้ขับรถเก๋ง 2 คันมียี่ห้อมิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน ษข 3275 นครราชสีมา และเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีขาว จำเลขทะเบียน หมวดอักษรและจังหวัดไม่ได้ มีชายเดินลงมาจากรถ 4 คน 2 ในนั้นจำชื่อเล่นได้ว่า “ต้อง” และ”เก่ง”ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เพื่อมาเก็บเงินที่กู้เขาเป็นทุนค้าขาย จำนวนเงิน 5,000 บาท ตั้งแต่ 14 ตุลาคม 63 แต่ถูกหักดอกเบี้ยล่วงหน้าไว้ 1,000 บาท คงเหลือได้รับเงินสดจริงๆ 4,000 บาท  ตกลงกันว่าชำระดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นเป็นรายวันๆ ละ 200 บาทรวมเวลา 24 วัน หลังจากนั้นก็ได้ชำระดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นทุกวัน

 

 

กระทั่งถึงวันที่ 7 พ.ย. 63 จึงขอผ่อนผันเป็นวันละ 100 เพราะสภาวะโรคคิด19 กำลังระบาดรอบ 2 เงินที่กู้มาทำทุนเพื่อทำไส้กรอกขายตลาดเช้าก็ขายได้ไม่ดี ประกอบกับเจ้าหนี้ก็ห่างหายไปหลายวัน เมื่อโผล่มาเก็บอีกทีจึงขอดูบัญชีเปรียบเทียบกับบัญชีของตนที่ทำเอาไว้ คาดว่าน่าจะเหลือหนี้อยู่ประมาณ 2,000 บาท จึงสร้างความไม่พอใจให้นายเก่งพร้อมกับร้องตะคอกใส่ตนว่าเหลือมากกว่านั้น และนายต้องดูเหมือนจะไม่พอใจเช่นกัน จึงเดินปรี่เข้ามาชกหน้าตนไป 2 ทีจนหน้าแตกล้มทั้งยืนหงายท้องท้ายทอยฟาดขอบถนนจนปูดบวมและสลบไป นายบุญมี ไชยนาม อายุ 70 ปี สามีจึงได้หอบขึ้นรถยนต์นำส่ง รพ.บึงกาฬ หมอเย็บแผลที่ใบหน้าไป 4 เข็มท้ายทอยปริมีเลือดไหลซึม หมอจึงให้นอนพักรักษาตัวอยู่ 1 คืน ส่วนแก๊งทวงหนี้ 4 คนหลังก่อเหตุก็รีบขับรถเก๋งทั้ง 2 คันหนีออกไปจากบริเวณบ้านตนไปอย่างรวดเร็ว จึงได้รวบรวมหลักฐานการตรวจสุขภาพและใบรับรองของแพทย์มาประกอบการแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากเงินกู้ก็ไม่มากแค่ 4-5,000 บาทเหลือนี้ก็ประมาณ 2,000 บาทมาทำร้ายกันบาดเจ็บถึงเพียงนี้