ครั้งแรก ศิรินทรา นิยากร เปิดใจ แอ๊ด คาราบาว เคยจีบ
19 ม.ค. 2564, 12:53
ศิรินทรา นิยากร ด้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องความรักที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อนในรายการ Club Friday Show บอกว่าแอ๊ด คาราบาว เคยจีบ และถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก ก็มาจากชีวิตจริง
โมเมนต์เล่าไปก็ยังเขินสมัยเข้าวงการใหม่ ๆ แอ๊ด คาราบาว เคยจีบ ?
ศิรินทรา : พี่แอ๊ดเพิ่งกลับจากเมืองนอก บริษัทจับไปอยู่วงเขา เดินสายใกล้ชิดกัน เขาก็เงียบ ๆ ไม่ค่อยพูด ตอนแรกไม่รู้ จนมี ยังบาว เดอะมูฟวี่ เพิ่งรู้เขามีความรู้สึกกับเราแบบนี้เหรอ เขาเงียบมาก แต่แสดงออกผู้ใหญ่ก็คงจะเห็น แต่มีบ้างจับมือ ไม่ค่อยอะไร ก็ต้องจีบแหละ แกมีมารับ-ส่ง จำได้รถคันเล็ก ๆ ตอนนั้น มาส่งหน้าบ้าน เขาปีนไม่ให้เราเหยียบน้ำ เขามาขอบริษัทให้เรามาร้องเพลงเพื่อชีวิตอยู่วงเขาแต่บริษัทไม่ให้ ช่วงนั้นมีผู้บริหารบริษัทมาจีบด้วย
ถามว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พี่แอ๊ดถอยด้วยหรือเปล่า ศิรินทรา ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งยอมรับ ตอนนั้นก็ชอบพี่เขาเพราะก็ใกล้ชิดกัน เขามีทีท่ามาชอบ แม่ก็รู้ พอมาเจอผู้บริหารคนนี้เขาก็เฟด พยายามหายไป เราก็อยากไปอยู่วงพี่แอ๊ด แต่บริษัทไม่ให้ ถามว่ากลับมาเจอกันเมื่อไม่นานเป็นยังไงบ้าง เขาก็พูดน้อยอยู่แล้วหน้าเวที ก็งงรู้ว่าเขามาพักที่นั่น ที่เราจะมีคอนเสิร์ตพอดี เขาเดินเอาดอกไม้มาให้ เสร็จปุ๊บก็หอมแก้มเลย เขาคงคิดเป็นพี่หอมน้อง ตอนนั้นที่แยกกันไปต่างคนต่างเดินสาย โทรศัพท์ก็ลำบาก จนมาได้ข่าวอีกที พี่แอ๊ดแต่งงานเหรอ
เพลงที่ร้องคือมาจากชีวิตจริง ?
ศิรินทรา : ก็ยังว่าครูกานต์บอกทำไมครูเห็นอนาคตเราขนาดนี้ จริง ๆ อย่าง รู้ว่าเขาหลอก เราก็ไม่คิดจะมาเจอกับตัวเองเพราะเราใสมากอายุ 18 แล้วเราร้องถึงเขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก เราก็ไม่คิดว่าเขาจะมาหลอกเรา จะขอก็รีบขอ ความรู้สึกตอนนั้นก็อยากให้คนมาขอนะ แต่เป็นแค่จะ มันแค่จะ จะอย่างเดียวเลย
มีคนที่คบแล้วบอกให้รอเป็นสิบปีเลย ?
ศิรินทรา : เป็นอะไรที่มันเป็นความรู้สึกที่มันลึก ๆ ที่เราผูกพันก็ได้ หรือเพราะเราไปทำพิธีกับพระหรือเปล่า คือเรารู้สึกว่าคนนี้ใช่ เจอกันครั้งแรกที่โรงเรียน มาสมัครเรียนโรงเรียนเดียวกัน เข้าไปพร้อมกัน เดินไปพร้อมกัน เขามากับพ่อเขา ทรามากับพ่อทรา เราเห็นเขาคือหล่อมาก แล้วยิ่งรู้ว่าเขาสอบเข้าทหารได้แล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าใช่เลย อาจจะเป็นเพราะใช้คำว่าขาดความอบอุ่นไหม ก็ไม่นะ เพราะอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่เราอยากได้คนที่มาปกป้องเรา ดูแลเรามากกว่า แล้วพี่สาวเรามีแฟนเป็นทั้งทหารเรือและอากาศ แล้วคือเขาก็สอบติดทหารบก แล้วตอนที่เรามาเรียนเขาก็มาเรียนห้องเดียวกับเราอีก แต่พอได้ 1 เดือนเขาก็ถูกเรียกตัวไปเป็นทหาร แล้วเราก็เขียนจดหมายหากันตลอด
จน ม. 5 เราก็ได้มาเป็นนักร้อง ก็ค่อย ๆ ห่างกันไป แล้ววันหนึ่งเราก็ไปร้องเพลงที่ค่ายทหารก็ได้ข่าวเขา เราก็กลับมาติดต่อกันอีกหลังจากที่ห่างกันไป 4-5 ปี ติดต่อกันมาเรื่อย ๆ จนได้มาเจอตัวกัน คือเขาเข้ามาเรียนเสนาธิการทหารบกที่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ได้คบกัน เพราะเขามีครอบครัวแล้ว เขามาเจอเราครั้งนั้นเขาก็บอกเราว่าเราหายไปเลย แต่การแต่งงานครั้งนั้นเขาก็บอกว่าแค่ทำพิธีนะ เพราะผู้หญิงบอกเลิกเขาแล้ว เขาก็เข้าพิธีเสร็จก็จบแยกย้ายกันไป
แล้วหลังจากนั้นเราก็มาคบกัน แต่ช่วงนั้นคือเรามีภาระคือวงเจ๊ง หนี้สินเยอะ แล้วเรามองว่าเราต้องเคลียร์ตรงนี้ก่อนเพราะไม่งั้นพ่อแม่ของเราลำบาก เราต้องหาช่องทางทำมาหากิน จะไปมีครอบครัวเลยไม่ได้ ถามว่าอยากแต่งไหม อยากแต่งมาก แต่เรามองไปว่าเราแต่งแล้วเราจะทำอะไร เพราะสิ่งที่เป็นภาระที่เราต้องรับมันยังมีอยู่ก็ทำให้ห่างกัน จนกระทั่งเขาได้ไปแต่งงานจริง ๆ
รู้ว่าเขาหลอกไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว มันก็ยังมีเหตุการณ์ มันก็จะวนกลับมาว่ารู้แต่ฉันก็อยู่ตรงนั้นได้ ?
ศิรินทรา : หนักมาก ถือว่าหนักมากในชีวิต ที่ว่าเราเหมือนกับเราคิดว่าใช่ แล้วเรื่องราวที่มันเข้ามาเราก็มองว่าอย่างที่เขาทำนายไว้ว่าเราจะเจอคนที่มีตำหนิ จะต้องมีครอบครัว แล้วเราก็ผ่าน ๆ แล้วมีครั้งหนึ่งที่เขาตั้งใจเอาเราไปเป็นครอบครัวจริง ๆ แล้วให้เราหยุดร้องเพลง เพราะความใฝ่ฝันของเราคืออยากหยุดร้องเพลง ไม่อยากทำงานในวงการนี้แล้ว เราอยากจะเป็นแม่บ้านไง เป็นความฝันความรู้สึกลึก ๆ ในใจอยู่แล้วว่าเราอยากอยู่บ้าน อยากเป็นแม่บ้าน
กับคนนี้เขามาจ้างเราไปร้องเพลง เราก็รู้ทุกอย่างว่าเขามีครอบครัว รู้ว่าฝ่ายผู้หญิงของเขามีลูกติด แต่ตัวเขาไม่มีลูกด้วยกันแต่เขาอยู่ด้วยกัน แต่เขามาบอกเราว่าเขาอยากมีครอบครัวนะที่เป็นครอบครัวสมบูรณ์ เขาอยากจะมีลูกที่ไม่ต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ ก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่ามันใช่เลย มันเป็นความฝันของเราเลยว่านี่เราจะได้มีครอบครัวแล้ว ไม่อยากทำงานแล้ว เราแทบจะกระโจนเข้าใส่เลย แล้วเขาไม่ได้บอกกับเราคนเดียว แต่เขาบอกกับครอบครัวเรา กับเพื่อนที่อยู่รอบตัวเรา เพราะที่เขาบอกว่าเขามาสร้างครอบครัวกับเราเขาจะเลิกกับภรรยา เขาไม่ได้จดทะเบียนกัน เราก็เลยมีความหวัง
และเขาตั้งเงินรางวัลสูงมาก ถ้ามีลูกสาวจะให้ 20 ล้าน ถ้ามีลูกชายให้ 50 ล้าน เราคิดอย่างเดียวเลยเราไม่ต้องเหนื่อยแล้ว เพราะเราทำงานตั้งแต่เรียนจบ ทำงานอย่างเดียวไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่เราเป็นเลย พอเขามานำเสนอเท่านั้นเราก็รีบคว้าเลย แต่ข้างในเราก็รักเขานะคะ เพราะเขาดูแลพ่อแม่และดูแลทุกคนที่อยู่รอบข้างเรา
ได้แต่งงานกันไหมกับคนนี้ ?
ศิรินทรา : เขาเรียกว่าให้ผู้ใหญ่รับรู้กัน ผูกข้อไม้ข้อมือ แต่ตอนนี้ที่เราตัดสินใจแต่งงาน คือเขาบอกว่าเขาเคลียร์แล้ว โสดแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว เราก็เชื่อนะคะ เพราะเขามาสร้างความมั่นใจให้เราด้วยการที่เขามาคุยกับที่บ้าน แล้ววันที่มาทำพิธีอะไรต่าง ๆ ก็มีผู้ใหญ่มาเป็นตัวแทนอะไรต่าง ๆ ตรงนั้นเราเลยมั่นใจ นี่เป็นเรื่องที่ไม่เล่าให้ใครฟังเลย เขามาจัดสรรทุกอย่าง ไม่รู้ว่าพูดออกอากาศไปแล้วไม่รู้ว่าเขาจะมาราวีอีกหรือเปล่า เพราะเขาสร้างให้เราทุกอย่าง บ้าน ดูแลเราให้เรามั่นใจ
พอหลังจากพิธีอะไรเสร็จก็มีอะไรเข้ามาทำให้เรารับไม่ได้ คือผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าเลิกแล้วบุกมาที่บ้าน เพราะว่าเขาให้คนตามสืบว่าเรามีบ้านที่นี่ แต่เขาไม่เจอเรา เจอพ่อกับแม่ แล้วเขาก็เดินเข้าไปที่บ้าน แล้วเขาก็เดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อหาว่าเราอยู่ไหม แต่ก็โชคดีที่ไม่มีใครอยู่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็งง พอดูเสร็จเขาก็เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากนั้นเขาก็มาด่า มาวีน จนตัวเราไม่ไหวแล้ว แล้วตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว สิ่งที่เขาพูดมันไม่ใช่แล้ว แล้วเราก็ไปแอบดักดูเขาด้วยว่าเขาโกหกเราไหมที่เขาบอกว่าเลิก ก็ไปดักที่หน้าบ้านเขา เห็นเขาเดินออกมาจากบ้านกับแฟนเขา ตอนนั้นเราคิดว่าไม่ใช่แล้ว
เคยถามเขาไหมว่าทำไมถึงต้องมาหลอกกันแบบนี้ ?
ศิรินทรา : เขาคงมีความประสงค์อย่างนั้นจริง ๆ แต่เขาทำแบบที่พูดไม่ได้ เพราะพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นปุ๊บทางแฟนเขาที่มีลูก เขาก็ขู่ว่าถ้ายังมาติดต่ออะไรกับเรา เขาจะฆ่าลูก ซึ่งเขารักลูกคนนั้นมาก เราก็บอกไม่เป็นไร ถ้าเป็นแบบนั้นเราไปเองก็จบ คือจบเร็วมาก แต่วันสุดท้ายคือร้องไห้หนักมากปล่อยมาหมดเลย ฉันล้มเหลวอีกแล้วเหรอ แย่มาก เพราะครั้งนี้เราตัดสินใจแล้วว่านี่คือครอบครัว (น้ำตาคลอ) คุณพ่อคุณแม่ก็สงสารเนอะ เพราะเห็นว่ามันเป็นความตั้งใจจริง ๆ ของเรา เขาก็ให้กำลังใจเราว่าไม่เป็นไร