โคราชโผล่อีก 2 ราย "เรียกคืนเงินเบี้ยผู้สูงอายุ" พบเป็นคุณยายวัย 83 คนละกว่า 8 หมื่นบาท
27 ม.ค. 2564, 11:23
วันนี้ (27 มกราคม 2564) นางสาว วรรณภา สารเป็น อายุ 28 ปี ลูกสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ตำบลจอหอ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยนางสาว สมหมาย สมบูรณ์รัมย์ อายุ 60 ปี ลูกสาวของ นางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ชาวบ้านหมู่ 3 ตำบลจอหอ ได้เข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวถูกทางเทศบาลตำบลจอหอ เรียกเก็บคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
โดย นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 14 ปี รวมเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 83,383 บาท ส่วนนางก่วง สมบูรณ์รัมย์ อายุ 83 ปี ถูกเรียกคืนเงินตั้งแต่เดือนเมษายน 2549 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 14 ปีเช่นเดียวกัน รวมเป็นเงินพร้อมดอกเบี้ยจำนวน 84,673 บาท ทั้งนี้ทั้งนางสัมฤทธิ์ และนางก่วง ได้รับเงินบำนาญพิเศษจากสามีที่เสียชีวิตในหน้าที่ และถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเช่นเดียวกัน ซึ่งล่าสุดทั้งสองคนได้ถูกหมายเรียกจากศาลแขวงนครราชสีมาให้ไปพบที่ศาลเพื่อการไกล่เกลี่ย ให้การแก้ข้อหาแห่งคดี และสืบพยาน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้
นางสาว วรรณภา สารเป็น ลูกสาวของ นางสัมฤทธิ์ ภู่สว่าง หนึ่งในผู้ถูกเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เห็นหนังสือเรียกทวงคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของแม่ ทั้งครอบครัวต่างรู้สึกตกใจมาก เพราะตอนแรกที่ได้รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ แม่ของตนไม่ได้ตั้งใจไปยื่นเรื่องขอรับเงินแต่อย่างใด แต่มีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลตำบลจอหอเป็นผู้ดำเนินการเรื่องเอกสารให้ทุกอย่าง ซึ่งแม่ของตนไม่รู้เรื่องกฎหมาย และก็คิดว่าเป็นเงินส่วนที่ตนเองพึงจะได้ จนกระทั่งมีหนังสือถูกเรียกขอคืนเงินดังกล่าว ซึ่งหลังจากได้รับหนังสือตน และแม่ ได้เข้าไปติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ของเทศบาล โดยทางเจ้าหน้าที่บอกว่า ให้จ่ายคืน 3 เดือนแรก เป็นเงินงวดละ 18,000 บาท จากนั้นก็ให้ผ่อนชำระในส่วนที่เหลืออีกประมาณเดือนละ 1,000 บาท
ทั้งนี้ตนยอมรับว่า เงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุของคุณแม่ที่ถูกเรียกคืนก็ต้องส่งกลับคืนให้กับทางภาครัฐ แต่ตนก็อยากจะขอผ่อนชำระเป็นจำนวนที่น้อยลงกว่านี้ได้หรือไม่ อาจจะเป็นเดือนละ 500-600 บาท เพราะถ้าจะให้ชำระคืนเดือนละ 18,000 บาท ก็ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนกินข้าว ซึ่งตนยืนยันว่าพร้อมยืนดีที่จะจ่ายเงินคืน แต่ถ้าจะให้จ่ายเป็นเงินก้อนก็คงจ่ายคืนให้ไม่ไหว โดยวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้พวกตนพร้อมที่จะเดินทางไปที่ศาล เพื่อขอให้ศาลช่วยพิจารณาให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามคนในหมู่บ้านทราบว่า ยังมีคนในเขตเทศบาลตำบลจอหออีกอย่างน้อย 5 ราย ที่ถูกทางเทศบาลเรียกเก็บคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวก็ได้รับการร้องเรียนจาก นายมฤคินทร์ เขียนจอหอ อายุ 42 ปี ลูกชายของ นางประจวบ ผะดาวัลย์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลจอหอ ว่าถูกขอเรียกคืนเงินสงเคราะห์เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จ่ายให้กับนางประจวบ ผู้เป็นแม่ ย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2563 เป็นระยะเวลากว่า 11 ปี รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน จำนวน 77,737 บาท โดยครอบครัวของนางประจวบก็ยินดีที่จะเดินทางไปที่ศาลแขวงนครราชสีมาตามนัดหมาย เพื่อขอให้ศาลช่วยเจรจาไกล่เกลี่ยเช่นเดียวกัน