จากกรณีพระภิกษุและลูกศิษย์วัดเขาพระทอง ต.เขาพระทอง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกันพัฒนาทางขึ้นภูเขาสลักได ภูเขาเล็ก ๆ อยู่ทางด้านทิศเหนือของวัด ห่างจากภูเขาพระทองที่ตั้งวัดเขาพระทอง 400 เมตร เพื่อต้องการแผ้วทางเส้นทางเดินเก่าที่เป็นทางเดินของพระภิกษุและชาวบ้าน ไปถ้ำลมภูเขาสลักได ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน กระทั้งพบพระพุทธรูปปูนปั้นสูง 2.5 เมตร น้ำหนัก 300 กก.อายุ 50 ปี หักล้มหงายบนพื้น เป็นพระพุทธรูปปั้นผสมผสานระหว่างปางห้ามญาติกับปางอุ้มบาตร มือซ้ายอุ้มบาตร มือขวายกขึ้นเหนืออกหันฝ่ามือออกด้านนอก ในลักษณะปางห้ามญาติ และมีรอยหักตรงข้อมือขวา ส่วนด้านในมีโครงเหล็กขนาดเล็ก 4 เส้น 

ขณะที่ พระมหาอารยนันต์ กล่าวว่า พระพุทธรูปองค์ดังกล่าวไม่ใช่พระพุทธรูปโบราณ แต่เป็นพระพุทธรูปสมัยใหม่ คาดเป็นรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาวัดเขาพระทอง รูปใดรูปหนึ่ง แต่จะตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งว่าเป็นรูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาสรูปใด ก่อนหน้านี้วัดเขาพระทอง เป็นวัดร้างอีกแห่งหนึ่ง ก่อนหน้านี้อาตมา เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ จำพรรษาวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จึงตัดสินใจจะพัฒนาฟื้นฟูวัดเขาพระทอง ให้เป็นวัดที่อยู่คู่กับพระพุทธศาสนา มีเป้าหมายพัฒนาให้วัดเขาพระทอง เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ธรรมชาติ รองรับโครงการพระบรมธาตุมรดกโลก โดยระยะ 7 - 8 ปี ที่ผ่านมา สามารถพัฒนาวัดจนเป็นที่รู้จักของประชาชนและนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามวัดเขาพระทอง ยังไม่มีโบสถ์ เพื่อใช้ในการประกอบศาสนกิจสำคัญ 

ทั้งนี้ หลังชาวบ้านทราบข่าวว่า พบพระพุทธรูปปูนปั้นบนเชิงภูเขาสลักได และมีการประกอบพิธีขอขมาอัญเชิญ พระพุทธรูปปั้นองค์ดังกล่าว เพื่อบูรณะซ่อมแซม จึงแห่กันมาร่วมพิธี พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียน กราบไหว้เพื่อขอพร ขอโชค ขอลาภ อย่างไรก็ตามระหว่างประกอบพิธีพบว่าท้องฟ้าเกิดพระอาทิตย์อีกด้วย