เมื่อได้รับทราบความเสียหายจากกรณีดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ร่วมกันสืบสวนหาตัวคนร้าย จนทราบว่าเจ้าของเลขที่บัญชีธนาคารดังกล่าว เป็นบุคคลที่มีชื่อในการหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของตนเองหลายท้องที่ จึงได้ติดตามสืบสวนจนทราบว่า การกระทำดังกล่าว ได้กระทำกันเป็นกระบวนการ โดยกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงด้วยการเข้าไปหาดูผู้เสียหายที่สั่งสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ต ได้แก่ ล้อแม็ครถยนต์ ทองคำ ประเป๋าแบรนด์เนม และสินค้าอื่นๆ 

โดยเมื่อกลุ่มคนร้ายพบว่ามีผู้เสียหายทางออนไลน์สนใจสินค้าชนิดใดแล้วจะทำการปลอมเพจเฟสบุ๊คเลียนแบบเพจสินค้าจริงจนเหมือนเพจสินค้านั้นจริง จากนั้นกลุ่มคนร้ายจะใช้เพจเฟสบุ๊คที่ปลอมขึ้นมาเข้าไปทักผู้เสียหายผ่านแมสเซ็นเจอร์ หรือ ไลน์ เพื่อแจ้งว่ามีสินค้า พร้อมทั้งแจ้งราคาให้ผู้เสียหายทราบ เมื่อผู้เสียตกลงซื้อสินค้า คนร้ายจะหลอกให้โอนเงินผ่านอินเตอร์เน็ตแบงค์กิ้ง เข้าบัญชีธนาคารของตนเอง โดยเมื่อ ผู้เสียหายทำการโอนเงินเข้ามาที่บัญชีของคนร้ายแล้ว คนร้ายจะใช้โทรศัพท์ติดต่อกลับไปแจ้งว่าผู้เสียหายไม่ได้ทำบันทึกช่วยจำ ให้โอนเงินเข้ามาอีกครั้งและทำบันทึกช่วยจำโดยหลอกว่าเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อตามที่คนร้ายหลอกจนโอนเงินเข้าบัญชีคนร้ายจำนวนมาก จากนั้นคนร้ายจะทำการโอนเงินไปยังบัญชีอื่นแล้วไปทำการถอนเงินออกมาทั้งหมด

เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ลงพื้นที่สืบสวน จนทราบว่า กลุ่มคนร้ายได้ไปทำการเปิดบัญชีที่ พื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ จึงได้ร่วมกันออกทำการสืบสวนจนทราบแหล่งที่พักคนคนร้าย และเข้าทำการจับกุมคนร้ายทั้งสามคนได้ ในพื้นที่ อ.เมืองบุรีรัมย์ พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นเงินสด จำนวน 451,170 บาท(สี่แสนห้าหมื่นหนึ่งพันหนึ่งร้อยเจ็บสิบบาทถ้าน) สมุดเงินฝากธนาคาร พร้อมบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ เครื่องโทรศัพท์ จำนวน 6 เครื่อง ซิมการ์ดจำนวน 14 ซิมการ์ด สอบถามผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ได้ทำการเปิดเฟสบุ๊คปลอมขึ้นมาหลอกลวงผู้เสียหายมาหลายครั้งแล้ว โดยในแต่ละครั้งจะได้เงินสดไปเป็นจำนวนมาก รวมมูลค่าที่ได้หลอกลวงผู้เสียหายไปแล้ว ประมาณ 4,000,000 บาท (สี่ล้านบาทถ้วน)

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงได้ร่วมกับแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาและทำการจับกุมผู้ต้องหา ทั้งสามคน นำส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของหมายจับ และทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวน สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป