เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 29 ม.ค. 64  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ร.ต.อ.มนตรี พันธ์คำ ร้อยเวร สภ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอตายบริเวณทุ่งนาท้ายหมู่บ้าน หมู่21 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1 กม. จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ   เมื่อไปถึงพบร่างของหญิงคนหนึ่งทราบชื่อภายหลังว่า คือ  น.ส.สมคิด บาลชื่น อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่21 ต.โสน อ.ขุขันธ์ สภาพศพ เสียชีวิตแล้ว อยู่ในสภาพแขวนคอตายใต้ต้นมะม่วง มีสามีและญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งร่ำไห้ด้วยความเสียใจ  

จากการสอบสวนเบื้องต้น นายชื่น พันธุ์ชาติ  อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียชีวิตเล่าว่า ช่วงเช้าวันนี้ ผู้ตายได้บ่นว่าเงินที่ให้ไว้จำนวน 500  บาท  เมื่อหลายวันก่อนนั้นได้ใช้จ่ายในครอบครัวไปหมดแล้ว จึงได้มาขอเงินจากตนเพื่อไว้ใช้จ่ายค่าอาหารและเพื่อไว้ให้ลูกไปโรงเรียนอีก แต่ตนไม่ได้ให้เงินไป  เพราะว่าช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ตกงาน  หาเงินไม่ค่อยได้  แต่ว่าตนได้เอาเงินไปให้กับลูกทั้ง 2 คน  โดยไม่ได้ให้เงินกับผู้ตายจึงคาดว่า คงเป็นสาเหตุให้ผู้ตายเกิดความน้อยใจ  จึงไปผูกคอตายดังกล่าว

น.ส.ทานตะวัน บาลชื่น  อายุ  28  ปี น้องสาวผู้ตายเล่าว่า ผู้ตายได้โทรศัพท์มาหาตน  บอกว่าจะไม่อยู่แล้วนะ จะไปแล้วนะ ตนจึงถามว่าจะไปไหน  แต่ว่าก็ไม่ได้รับคำตอบจากผู้ตายและได้วางสายไป ต่อมาไม่นานก็ได้รับแจ้งว่าพี่สาวของตนนั้นได้ผูกคอตายแล้ว

ทางด้านนางสมบูรณ์ บุญขาว อายุ 60 ปี  แม่ของผู้ตาย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนมีลูกกับสามีที่เสียชีวิตแล้วเมื่อประมาณ  8 ปีที่ผ่านมา มีลูกด้วยกันชาย 4 คน หญิง 4 คน  รวม 8 คน คนตายเป็นคนที่ 2 ตั้งแต่สามีได้จากไปตนต้องต่อสู้ทำงานรับจ้างทุกอย่างเท่าที่มีแรงทำได้  จนลูก ๆ บางคนเติบโตมีครอบครัวไปแล้ว เรื่องฐานะครอบครัวตนเองยอมรับว่ายากจนจริงๆ ดูสภาพบ้านเรือนก็รู้แล้วว่า  ด้วยความยากจนและเศรษฐกิจช่วงโควิด - 19 ระบาด นายชื่นไม่สามารถไปทำงานหาเงินได้  และไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว คาดว่าผู้ตายน้อยใจที่ขอเงินกับสามีไม่ได้  จึงน้อยใจมาผูกคอตาย ตนไม่ติดใจในการเสียชีวิตของลูกสาวในครั้งนี้  แต่เสียใจที่ไม่น่าคิดสั้นเลย  สงสารแต่หลานชาย  2  คน  ที่ต้องสูญเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ