ธนาธร แสดงวิสัยทัศน์แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
5 มิ.ย. 2562, 14:41
วันที่ 5 มิ.ย. 2562 ที่หอประชุมใหญ่ บริษัท TOT จำกัด (มหาชน) ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม พร้อมนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 มีระเบียบวาระสำคัญคือการเลือก นายกรัฐมนตรี คนที่ 30
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขณะที่ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ได้เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนที่ประชุมได้ถอนญัตติการแสดงวิสัยทัศน์ของแคดิเดตนายกรัฐมนตรีออกจากการประชุม
ด้านหน้าห้องประชุมร่วมรัฐสภา นายธนาธร กล่าวว่า เป็นที่เสียดายที่ผมไม่มีโอกาสแสดงวิสัยทัศน์ ว่าถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะนำพาประเทศไปข้างหน้าอย่างไร จึงขอใช้โอกาสนี้ แสดงวิสัยทัศน์ในฐานะผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ซึ่งถ้าท่านอยากให้ประเทศเป็นของคนกลุ่มหนึ่งที่ทำตามความต้องการตนเองโดยไม่ต้องยึดหลักการใดๆ คงไม่ต้องฟังสิ่งนี้ แต่หากอยากเห็นสังคมเป็นของทุกคน คนเคารพสิทธิ บ้านเมืองมีขื่อ มีแป เราคิดเหมือนกัน ฝันเหมือนกัน
ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี จากความจริง การเปลี่ยนแปลง และพาประเทศไทยไปข้างหน้า ประการแรก ผมพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีจากความจริง ประเทศไทย มีเศรษฐกิจดีกว่าประเทศทั่วโลก แต่เราต้องยอมรับว่าสังคมไทยมีปัญหาอีกเยอะที่รากฐาน จากการเดินทางไปทั่วประเทศ ได้เห็นแรงบันดาลใจที่มาจากคนตัวเล็กๆ และพร้อมกันนั้น เห็นคนที่ยากลำบากอยู่ไปวัน ทำให้เห็นว่า จีดีพี ไม่ได้สะท้อนความเป็นจริง ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจน ทั้งที่วัดผลได้ วัดผลไม่ได้อย่างการศึกษา ห่างออกไปเรื่อยๆ เพื่อจะแก้ปัญหาตรงจุด เราต้องมองปัญหาอย่างตรงจุด เป็นจริง เราต้องเริ่มจากยอมรับว่า เราแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เราต้องแก้ทุกปัญหาไปพร้อมกัน เช่น เรื่องทุนผูกขาด จะแก้ไม่ได้ ถ้าไม่แก้ระบบอุปถัมภ์ เส้นสาย เราจะใช้เงินภาษีเพื่อคนส่วนใหญ่ยังไง ถ้าอำนาจยังผูกขาดอยู่ส่วนกลาง และผู้มีอำนาจไม่เข้าใจพื้นที่ นอกจากต้องเข้าใจปัญหามองความเป็นจริงทั้งไทยและโลก ปัจจุบันโลกเต็มไปด้วยการแข่งขัน ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการส่งออก ท่องเที่ยวถดถอยลง ล้วนส่งผลกระทบต่อเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นนายจ้าง ลูกจ้าง ผู้เกษียณรอผลตอบแทนการลงทุน ฉะนั้น ผู้นำต้องรู้เท่าทันไทย และเท่าทันโลก ให้เราเปลี่ยนแปลงไปตามโลกที่เปลี่ยน หาตำแหน่งที่เหมาะสม ต้องพร้อมขี่คลื่นโลกาภิวัฒน์ ให้ได้ประโยชน์เต็มที่
ผมจะเป็นนายก แห่งการเปลี่ยนแปลง เราต้องกล้าเผชิญปัญหา กล้าฝัน ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทำงานเป็นทีม เราผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเย็น ต้มยำกุ้ง ปู่ย่าตายายเราผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ที่ผ่านมา เราร่วมใจผ่านมาด้วยกัน แต่วันนี้ไม่ใช่สงครามที่มีเครื่องบินรบ เสียงโครมคราม วันนี้เราเหมือนกบถูกต้มในน้ำร้อนขึ้นเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็สายไปแล้ว
ทุกวันนี้การลงทุนในประเทศอ่อนกำลัง บริษัทใหญ่กำเงินไว้มากมาย แต่บริษัทเล็กไม่มีเงินจ่ายหนี้ การศึกษาตกต่ำ ที่ดินทะยานขึ้นทุกปี ถึงเราไม่ได้อยู่ในน้ำเดือด แต่น้ำร้อนขึ้นทุกที เมื่อน้ำเดือดก็สายไปแล้ว สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถทำสำเร็จได้แบบข้ามคืนข้ามวัน มีปัญหาหลายอย่างเชื่อมโยงกับกลุ่มประโยชน์อย่างแน่นเฟ้น หลายปัญหาเกิดปัญหากับผู้นำประเทศ
ทางออกคือ ต้องเผชิญกับอำนาจและกลุ่มทุน เผชิญปัญหาอย่างตรงไปตรงมา หลายปัญหากระทบต่อคนตัวเล็กในสังคม เราต้องยืนยันตัดสินใจบนหลักความชอบธรรม เราใช้แค่ความรู้สึกไม่ได้ ต้องทำอย่างรอบคอบรัดกุม คิดอย่างเป็นระบบ เราโชคดี ที่อยู่ในยุคข้อมูลข่าวสารเดินทางอย่างรวดเร็ว หลายปัญหาที่เกิดในระดับโลก มีการเรียนรู้แก้ปัญหา เราไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ แต่ใช้ประสบการณ์ในต่างประเทศ ที่เกิดขึ้น เอาข้อมูล ข่าวสาร เครื่องมือที่ถูกต้อง มาทำให้เราแก้ปัญหาได้ แค่ต้องเลือกเครื่องมือการแก้ปัญหาให้ถูกต้อง
ประการสุดท้าย ผมจะเป็นนายกรัฐมนตรีที่พาประเทศไทยไปข้างหน้า นี่เป็นภารกิจของชีวิตผม และผู้แทนที่มีความฝันเหมือนผม เราเห็นประเทศญี่ปุ่นเติบโตมาในภาวะการแพ้สงครามไม่มีใครอยากซื้อขายด้วย ผมเกิดในยุคที่เกาหลี เกิดสงครามไม่มีใครอยากซื้อขาย คนไม่กินอาหารเกาหลี หรือดูละครเกาหลี แต่วันนี้ไม่ใช่แล้ว
วันนี้เรากำลังโดนหลายประเทศแซงไปทีละประเทศ คนรุ่นลูกของเรากำลังเติบโตมาในประเทศที่กำลังจะโดนเวียดนามแซง ผมได้ยินตั้งแต่เล็กจนโตว่า เรากำลังเป็นประเทศกำลังพัฒนา โดยไม่รู้ว่าเราจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วเมื่อไหร่ ถึงเวลาที่ประเทศไทย ควรจะเป็นประเทศโลกที่ 1 สมควรแก่เวลาที่เราจะไปอยู่จุดนั้นแล้ว เพราะเรามีทรัพยากร มีความพร้อมพอ
สิ่งที่ผมต้องการสร้างคือ ประเทศที่คนไทยเท่าเทียมกัน และเท่าทันโลก ถ้าผมเป็นนายกรัฐมนตรี นี่ไม่ใช่ภารกิจของอนาคตใหม่ แต่ภารกิจเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี และประเทศ ไม่ว่าจะเกิดมาแบบไหนความเท่าเทียมคือพื้นฐาน การขจัดความเหลื่อมล้ำไม่ใช่เรื่องของประเทศ เราจะเป็นประเทศที่ทยานไปข้างหน้า มันจะดีแค่ไหนที่คนรุ่นเราสามารถส่งต่อประเทศไทย ที่คนเท่าเทียมกัน ไม่มีรัฐประหารอีก เป็นประเทศโลกที่ 1
ขอยืนยันอีกครั้ง ว่า เราจะทำงานภายใต้หลักการประชาธิปไตย จะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมไปถถึงความฝันผ่านสภา จะทำให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุล ภายใต้นิติรัฐ ควบคู่กับสถาบันพระมหากษัรติย์อย่างมั่นคงสถาพร ต้องทำให้ ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่ตัวแทนกลุ่มอำนาจทหาร ต้องทำให้สภาเป็นสถานที่ถกเถียงเพื่อหาทางออก ไม่ใช่สถานที่ที่ประชาชนสิ้นศรัทธา ทั้งหมดเป็นภารกิจแห่งประวัติศาสตร์ ผมพร้อมเป็นนายก แห่งความเป็นจริง ความเปลี่ยนแปลง และการพาประเทศไปข้างหน้า
ภาพและข้อมูลจาก Workpoint News - ข่าวเวิร์คพอยท์, khaosod, thaipbs