ราชกิจจาฯ แพร่ประกาศกรมการขนส่งฯ ออกมาตรการ 10 ข้อ เข้มงวดป้องกันโควิด-19
2 ก.พ. 2564, 19:28
เมื่อวันที่ 1 ก.พ.64 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศกรมขนส่งทางบก เรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการขนส่งรถโดยสารประจำทาง รถโดยสารไม่ประจำทาง และผู้ดำเนินการสถานีขนส่งผู้โดยสาร เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
โดยมีเนื้อหาโดยสรุปว่า เพื่อให้การป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 สอดคล้องกับข้อกำหนดและคำสั่ง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก โดยความเห็นชอบของปลัดกระทรวงคมนาคม จึงออกประกาศขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่ง รถโดยสารประจำทาง รถโดยสารไม่ประจำทาง และผู้ดำเนินการสถานีขนส่งผู้โดยสารปฏิบัติตามมาตรการพึงปฏิบัติเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 เฝ้าระวังตรวจสอบการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวจากต้นทางหรือปลายทาง ที่มีประกาศห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเข้า-ออกพื้นที่ โดยให้ควบคุม กำกับดูแล ผู้ขับรถ ผู้ให้บริการ หรือพนักงานจำาหน่ายตั๋วโดยสาร ตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้โดยสารทุกที่นั่ง หากพบว่าเป็นการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวที่ฝ่าฝืนคำสั่งจังหวัด ประกาศจังหวัด หรือประกาศ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ควรงดการให้บริการ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายข้ามเขตพื้นที่จังหวัด
ข้อ 2 จัดที่นั่งหรือที่ยืนผู้โดยสารให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) โดยเว้นระยะที่นั่งหรือยืนห่างกันตามความเหมาะสม หรือติดตั้งอุปกรณ์ ฉากกั้นระหว่างที่นั่งเพื่อป้องกันการติดต่อสัมผัสหรือแพร่เชื้อโรคผ่านละอองฝอยสารคัดหลั่ง
ข้อ 3 จัดให้มีมาตรการคัดกรองผู้โดยสารและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนขึ้นรถโดยสารหรือเข้าใช้บริการภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร
ข้อ 4 ไม่ยินยอมให้ผู้โดยสารที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าขึ้นรถโดยสารและกำกับดูแลให้พนักงานขับรถหรือผู้ให้บริการ และผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ตลอดเวลา โดยให้ผู้ประกอบการขนส่งหรือผู้ด าเนินการสถานีขนส่งผู้โดยสารจัดให้มีหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าราคาประหยัดสำหรับผู้โดยสารหรือผู้ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสาร โดยมีจุดจำหน่าย ณ บริเวณสถานที่จำหน่ายตั๋วโดยสาร หรือสถานีขนส่งผู้โดยสาร หรือจุดที่ประชาชนใช้บริการ เป็นจำนวนมาก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่อใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ
ข้อ 5 จัดให้มีจุดบริการล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำยาฆ่าเชื้อโรคอย่างทั่วถึงและเพียงพอ
ข้อ 6 ให้ติดตั้งแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" และควบคุม กำกับ ดูแล ผู้โดยสารลงทะเบียนเข้าใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" หรือแพลตฟอร์ม "ไทยชนะ" หรือกรอกแบบฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เมื่อขึ้นรถโดยสารสาธารณะทุกคันในทุกเส้นทางการเดินรถ และให้พนักงานประจำรถ ตรวจสอบการสแกนแอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" ด้วย
ข้อ 7 ให้ประชาสัมพันธ์และแนะนำผู้โดยสารและผู้ใช้บริการสถานีขนส่งผู้โดยสารติดตั้ง และใช้แอปพลิเคชัน "หมอชนะ" ควบคู่กับการใช้แอปพลิเคชัน "ไทยชนะ" เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับการแจ้งข้อมูล ข้อแนะนำการปฏิบัติตนหรือคำเตือนเพื่อลดความเสี่ยงหรือหลีกเลี่ยงเข้าไปในสถานที่ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
ข้อ 8 ให้ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจ และรณรงค์แนะนำการปฏิบัติ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) แก่ผู้โดยสาร ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ เช่น ป้ายประชาสัมพันธ์ แผ่นพับ จอ LED เสียงประชาสัมพันธ์ภายในสถานีขนส่งผู้โดยสาร รถโดยสารสาธารณะ และสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
ข้อ 9 ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนเกิดความตระหนักและให้ความร่วมมือ กรณีที่เคยเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการพบผู้ติดเชื้อหรือพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ชลบุรี ตราด ระยอง และสมุทรสาคร ขอให้กักกันตนเองและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบุคคลอื่นเป็นระยะเวลา 14 วัน และต้องปฏิบัติ ตามมาตรการป้องกันโรคตามที่แต่ละจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยตรวจสอบจากคำสั่งจังหวัด ประกาศจังหวัด หรือประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเกี่ยวกับการเดินทางเข้า- ออกพื้นที่ ของแต่ละจังหวัดก่อนการเดินทางได้ที่ www.moicovid.com ในหัวข้อ "ข้อมูลสำคัญ/จังหวัด" เลือกชื่อจังหวัดในแผนที่ แล้วเข้าเมนู "ประกาศ/คำสั่ง"
ข้อ 10 ให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่ง นายสถานีขนส่งหรือผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานีขนส่ง พนักงานขับรถและผู้บริการปฏิบัติและให้คำแนะนำผู้ใช้บริการรวมถึงให้มีการควบคุม กำกับดูแล การให้บริการและการใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคตามที่จังหวัด หรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะสิ้นสุดการใช้บังคับประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น