เวลา 15.00 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564  นางอุบล แสงวงศ์ อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 319/4 บ้านน้ำพุ ต.บ้านแป้น อ.โพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร พร้อมชาวบ้านอีกกว่า 30 ราย มารวมตัวเพื่อเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกหลอกเอาโฉนดที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้จากนายทุน ซึ่งขณะนั้น นายดำรงค์ สิริวิชย  อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.สกลนคร มาพบเข้าและเข้ามาพูดคุยจนทราบถึงความเดือดร้อนดังกล่าว พร้อมให้เจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรม จ.สกลนคร มารับเรื่องจนทราบว่า ชาวบ้านถูกหลอกให้นำโฉนดที่ดินไปจำนองไว้กับนายทุน แล้วนำเงินไปปล่อยกู้ให้กับนายหน้าที่พาไปอีกทอดหนึ่ง โดยนายหน้ารับปากว่าหากสามารถกู้เงินออกมาได้  ยินดีจะจ่ายดอกเบี้ยให้ร้อยละ 1 บาท จากจำนวนเงินต้นที่ไปกู้มา  แต่หลังจากนั้นนายหน้าก็หนีหาย เชิดเงินไปกว่า 30 ล้านบาท

 

นางอุบล แสงวงศ์  กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้มี น.ส สมหมาย จันทร์สุรินทร์ อายุ 49 ปี และ น.ส ณิชานันท์ ทีคอโงน อายุ 39 ปี คนหมู่บ้านเดียวกันได้มาขอยืมโฉนดที่ดิน พร้อมกับให้เซ็นเอกสารกู้ยืมเงินกับนายทุน โดย สัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยให้ร้อยละ 1 บาท และจะนำเงินพร้อมโฉนดที่ดิน มาคืนภายใน 7 วัน   ตนจึงหลงเชื่อพร้อมได้นำโฉนดที่ดินหลายแปลง ไปค้ำประกันเพื่อกู้ยืมเงินให้กับ น.ส สมหมาย และน.ส ณิชานันท์ โดยกำหนดชำระเงินภายในวันที่ 15 พ.ค 2563  แต่เมื่อครบกำหนดก็ยังไม่มาชำระหนี เมือทวงถามก็ถูกปฏิเสธเรื่อยมา ตนจึงมั่นใจว่าถูกหลอก และภายหลัง ทราบว่ามีผู้ถูกหลอกในลักษณะนี้ จำนวนกว่า 30 ราย ซึ่งแต่ละรายสูญเงินไปรายละ 500,000-2,000,000 บาท รวมที่คิดเป็นเงินไม่ตำกว่า 30 ล้านบาท  จึงได้รวมตัวมาเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือในครั้งนี้  

ด้านนายดำรงค์ สิริวิชย  อิ่มวิเศษ รอง ผวจ.สกลนคร  กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นความเดือดร้อนของชาวบ้าน นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผวจ.สกลนคร ได้ให้ตนเข้าดูแลความทุกข์สุขของประชาชน จะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย มีการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.โพนนาแก้ว ไว้แล้วเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2563 ซึ่งตนจะได้กำชับให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน และเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาก็ตาม