เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ไล่ล่าตัว ! "ไอ้ก้อง โรงช้าง" พร้อมพวก ยิงตำรวจสืบสุพรรณดับ ขณะเข้าไปเตือนกินเหล้าในปั๊ม


8 ก.พ. 2564, 11:15



ไล่ล่าตัว ! "ไอ้ก้อง โรงช้าง" พร้อมพวก ยิงตำรวจสืบสุพรรณดับ ขณะเข้าไปเตือนกินเหล้าในปั๊ม




ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.ณฐกฤษ  พ่านเผือก พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุยิงกันมีคนได้รับบาดเจ็บภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ริมถนนมาลัยแมนสวนแตง-อยู่ทอง หมู่ 4 ต.สวนแตง จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์  ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กำลังฝ่ายสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี และชุดสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี  และเจ้าหน้าที่สมาคมร่วมใจสวนแตง

 

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในปั๊มน้ำมันพบร่างผู้บาดเจ็บทราบชื่อ ดาบตำรวจชาญวิทย์ ดิษเจริญ อายุ  52 ปี ผบ.หมู่งานสืบสวน ภ.จว.สุพรรณบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .380 เข้าที่ท้ายทอย 1 นัดอาการสาหัสเจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบนำส่ง รพ.ศูนย์เจ้าพระยายมราช ให้แพทย์ช่วยชีวิตแต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตที่ รพ. ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนขนาด .380 มม.ตกอยู่ 1 ปลอกและโคนต้นปาล์มซึ่งอยู่ห่างจากร้านสะดวกซื้อประมาณ 15 เมตรพบโทรศัพท์มือถือ ขวดสุราแก้วน้ำดื่มขวดน้ำอัดลมของกลุ่มผู้ก่อเหตุ วางอยู่เกลื่อน เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน 



ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบโทรศัพท์มือถือที่กลุ่มคนร้ายทิ้งไว้ได้มีคนโทรเข้ามาปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงจากการสอบถามทราบว่าโทรศัพท์ที่เจ้าหน้าที่ยึดไว้เป็นของนายก้อง สงวนชื่อและนามสกุลจริง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่น MSX สีเขียวไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนของกลุ่มผู้ก่อเหตุไว้ตรวจสอบ

จากการสอบถามนายพิภพ ลิศนิ อายุ 42 ปีและนางพรทิพย์ หวลบุดตา สองสามีภรรยาพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าก่อนเกิดเหตุได้ออกมาซื้อของกิน ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมันขณะกำลังนั่งกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในรถเห็นกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงนับสิบคนขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิคสีบรอนซ์เทาและรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิสุขาวไม่ทราบหมายเลขทะเบียนและบางส่วนขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามานั่งตั้งวงดื่มสุราและเปิดเพลงกันเสียงดังระหว่างนั้นตนเห็นผู้เสียชีวิตเดินเข้าไปหาจากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น1นัดครั้งแรกตนคิดว่ากลุ่มวัยรุ่นยิงปืนจึงโทรศัพท์แจ้งไปที่191แต่หลังจากนั้นกลุ่มวัยรุ่นได้พากันวิ่งหนีบ้างก็ก็ไปขี่รถจักรยานยนต์บ้างก็ไปขึ้นรถยนต์พากันขับหลบหนีและตนสังเกตเห็นมีคนเจ็บจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกรอบให้รีบมาช่วยคนเจ็บจากนั้น พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พร้อมชุดสืบสวน ได้ไปดูกล้องวงจรภายในปั๊มน้ำมันเบื้องต้นพบว่าหลังก่อเหตุกลุ่มคนร้ายซึ่งเป็นวัยรุ่นได้พากันขี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์เก็งรถกระบะหลบหนีจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่าชื่อผู้ที่ร่วมก่อเหตุจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ประกอบด้วยนายก้อง นายโม่ง นายรัน บ้านอยู่บ้านโรงช้าง ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี นายบอย และ นายเต้ย บ้านอยู่ ต.บางกุ้ง อ.เมืองสุพรรณบุรี สำหรับนายก้องมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพิ่งออกจากคุกมาได้ไม่นาน จึงนำกำลังไปตรวจค้นที่บ้านแต่ไม่พบตัวการบุกเข้าตรวจค้นบ้านนายก้องสร้างความแตกตื่นให้กับพ่อแม่และญาติของนายก้องเป็นอย่างมากเนื่องจากไม่รู้ว่านายก้องได้ไปร่วมก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่หน้าที่ตำรวจเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังติดตามกลุ่มผู้ร่วมก่อเหตุตามรายชื่อและสามารถคุมตัวนายเต้ย มาได้1คนก่อนนำตัวไปสอบเบื้องต้นรับว่าอยู่ในกลุ่มผู้ที่ก่อเหตุจริงและเห็นนายก้อง เป็นคนลงมือก่อเหตุ


สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดเหตุขึ้นครั้งนี้สาเหตุเกิดจากดาบตำรวจชาญวิทย์  ผู้เสียชีวิตได้เข้าไปว่ากล่าวตักเตือนกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงกินเหล้ากันอยู่ในปั๊มซึ่งทางปั๊มน้ำมันไม่ได้อนุญาตให้มีการนั่งดื่มในปั๊มจึงได้ปิดไฟบริเวณจุดเกิดเหตุตั้งแต่เวลาสามทุ่มและร้านสะดวกซื้อก็ไม่ได้จำหน่ายสุราให้กับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุแต่กลุ่มผู้ก่อเหตุได้นำสุรามาและเครื่องดื่มต่างๆมาจากนอกปั๊มแล้วพากันเข้ามาดื่มกินกันส่งเสียงดังรบกวนผู้เสียชีวิตจึงเข้าไปเตือนให้แยกย้ายแต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวระหว่างที่ผู้ตายกำลังพูดคุยกับกลุ่มวัยรุ่นทันใดนั้นนายก้อง ได้เดินเข้ามาทางด้านหลังใช้อาวุธปืนจ่อยิงเข้าที่ท้ายทอยผู้ตาย1นัดก่อนพากันหลบหนี

 

ซึ่งทางผู้การตำรวจสุพรรณบุรีได้สั่งการให้ล่าตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุดเนื่องกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุอย่างอุกอาจยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตพร้อมกับกำชับเจ้าหน้าที่ชุดติดตามไล่ล่าให้ระมัดระวังเนื่องจากคนร้ายมีอาวุธหากมีการต่อสู้ขัดขืนก็จำเป็นต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.