หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา เปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์  เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีน 2564 แนะฤกษ์งามยามดีตอนไหน ต้องไหว้อะไร อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ต้องบอกว่าวันนี้เป็นวันไหว้ ตอนเช้าก็ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ อะไรกันไป คือจะเรียงแบบนี้ จ่าย ไหว้ แล้วก็เที่ยว วันจ่าย คือ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ วันไหว้ก็คือ วันที่11 กุมภาพันธ์ ซึ่งจริง ๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายปีเก่า วันสิ้นปีเหมือน 31 ธันวาคม

  ถามว่าทำไมมาไหว้กันสิ้นปี เพราะว่าเป็นเหมือนมาขอบคุณบรรพบุรุษ ขอบคุณเทพเจ้า ที่ดูแลเรามาตลอด ที่มีการไหว้อีกอย่างหนึ่งคือ การไหว้ต้อนรับปีใหม่ครั้งแรกของปีจะเกิดขึ้นในคืนนี้ เทพองค์ที่คนรอคอยมานานมากแล้วเป็นเทพที่เป็นวอลเปเปอร์อยู่บนมือถือของทุกคนก็คือ ไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภ

    วันนี้มาเล่าให้ฟังคือ เล่าเรื่องของคืนนี้ จะมีการเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่ สิ่งที่แนะนำก่อนจะไหว้ ที่ต้องเตรียมในบ้านเราก่อนคือ คนจีนจะมีความเชื่อว่าจะมีกินมีใช้ ข้าวสารในบ้านของใครที่โล่ง ๆ ต้องไปเติมให้ข้าวเต็มถัง เงินเต็มถุง ฤกษ์สำคัญคือ ตอน 5 ทุ่ม เพราะว่าในโหราศาสตร์จีนเราเริ่มต้นวันใหม่ตอน 5 ทุ่ม ไม่ใช่เที่ยงคืน เพราะฉะนั้น 5 ทุ่มของคืนนี้คือเข้าปีใหม่แล้วนะ พอเข้าปีใหม่แล้วก็เริ่มปีด้วยความเป็นมงคล ด้วยการขอพรจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภ แต่มันมีเคล็ดลับอยู่อย่างหนึ่งว่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภแต่ละปีจะมีเรื่องของโหราศาสตร์มาคำนวณด้วย เรื่องทิศทางด้วย ซึ่งปีนี้ตรงกับทิศตะวันออก และบางคนที่มีรูปไฉ่ซิงเอี้ยอยู่ที่บ้านก็เอาลงมาตั้ง ให้ไฉ่ซิงเอี้ยหันหน้าเข้าหาเราก็ได้ ของไหว้กลางคืนจะไม่เหมือนกลางวัน เพราะจะเป็นของเจก็ได้

 เพราะกลางคืนหลัก ๆ คือไหว้ผลไม้ หรือถ้าจีนหน่อยเขาจะเรียกว่า เจฉ่าย (เป็นพวกเห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ เขาจะขายมาเป็นแพ็กอยู่แล้ว) พวกนี้จะเอาไปต้มเป็นแกงจืด และข้าวที่หุงแล้ว 5 ถ้วย ดอกไม้ก็ต้องเป็นสีที่สดใส เพราะเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ปีใหม่ ขนมถ้าเป็นแบบจีนก็จะเป็นสาคูต้มแดง ผลไม้หลัก ๆ ก็จะเป็นส้ม แต่หลักสำคัญคือหันหน้าไปทางทิศตะวันออก คือมีเวลาไหว้ 2 ชั่วโมง คือ 5 ทุ่ม ถึงตี 1 พิธีต้องจบ

 ข้อห้ามมีอย่างเดียวคือว่า ถ้าในบ้านเรามีคนที่เกิดในปีมะแม ซึ่งเป็นปีชงของปีนี้ ห้ามคนที่เกิดในปีมะแมเป็นคนแรกที่ไหว้ (แต่ไหว้ได้แค่ไม่ใช่คนแรก) และจะดีมากถ้าคนแรกที่ไหว้คือคนที่เกิดในปีชวด และมีเคล็ดลับนิด ด้วยความที่ไฉ่ซิงเอี้ยเป็นเทพที่เกี่ยวกับโชคลาภ เงิน ทอง ของอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ การเอากระเป๋าสตางค์มาวางไว้ แล้วเงินที่ได้เป็นอั่งเปาแบงก์ใหม่ ๆ ก็อย่าเพิ่งเอาไปใช้ ให้เอามาใส่กระเป๋าสตางค์ให้เต็ม ๆ บางคนก็จะถือเคล็ดใส่ 8 ใบ 9 ใบก็แล้วแต่ เราใส่ให้เต็ม ๆ ก่อนแล้วนำมาใช้ได้ หรือที่โบราณเขาก็จะมีน้ำแล้วก็มีใบทับทิม แล้วพอไหว้เรียบร้อยแล้วเอามาประพรม แล้วก็มาลาของไหว้แล้วทานนิดหนึ่ง เพราะการทานเจตอนรับปีใหม่ก็เป็นเหมือนกุศโลบายว่าช่วงเวลาที่เข้าปีใหม่เราต้องคิดต้องทำอะไรเป็นสิ่งดี ๆ แล้วก็ครอบครัวก็มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน อันนี้จบของวันนี้

 พอวันพรุ่งนี้ ตรุษจีน วันเที่ยว หรือบางที่เรียกว่าวันถือ ก็จะมีข้อที่ควรทำก็คือ ใส่เสื้อผ้าให้ดูสีสดใส ใครที่มีเสื้อผ้าใหม่ ๆ ก็ไปใส่วันนั้น เรียกว่าให้เป็นวันที่มีรอยยิ้ม และสิ่งที่ไม่ควรทำคือ ไม่ให้อารมณ์เสีย พูดจาไม่ดี ไม่ให้โกหก และสิ่งที่ห้ามอีกอันคือ ห้ามกวาดบ้านในวันนี้ เหตุผลเพราะว่า ไฉ่ซิงเอี้ยท่านมาหอบโชคหอบลาภเข้ามาในบ้านเรา เพราะจะไปกวาดโชคกวาดลาภทิ้ง หรือถ้าสถานการณ์ดีขึ้นสามารถไปไหว้เจ้าได้บ้างแล้ว ก็อยากแนะนำว่าให้ไปไหว้ในปีใหม่นี้ เพราะจะได้ขอพรตามศาลเจ้า ตามที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือเราไม่ได้จีนแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็สามารถไปไหว้พระทำบุญได้เพื่อเป็นการเติมสิ่งดี ๆ เพื่อเสริมความเฮงในชีวิตของเรา

               

 จริงไหมที่เขาว่าวันนี้ห้ามใช้เงิน

 เงินใช้ได้ แต่เงินบางอย่างที่เป็นเงินขวัญถุง อั่งเปา ก็ต้องเก็บไว้ เพราะว่าวันถือ หรือวันเที่ยว ก็เหมือนเป็นการเริ่ม การหยุดพักผ่อน การเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน เหมือนเป็นการเปลี่ยนฤดูกาลใหม่ เพราะคำนวณจากปฏิทินพระจันทร์แต่ละปีไม่ตรงกัน เพราะฉะนั้นการหยิบบางอย่าง เช่น พวกของมีคม เขาก็จะหลีกเลี่ยงนะ เช่น กรรไกร ใครจะตัดผมทำอะไรก็ไม่ควร แต่ก็อยากจะบอกว่าแต่ละที่แต่อันก็จะมีความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่ที่สำคัญที่มาเล่าให้ฟังก็เพราะว่าอยากให้ย้ำกันในคืนนี้ก่อน เพราะว่าคืนนี้เป็นเหมือนเคานต์ดาวน์เข้าสู่ปีใหม่อย่างแท้จริง และที่สำคัญคือ ปีมะแม เป็นปีที่เป็นเจ้าภาพในการชง ลำดับต่อ ๆ มาคือ ฉลู  จอ มะเมีย

             ประเพณี ตรุษจีน เน้นความดีข้อหนึ่งคือ ความกตัญญู คนเราถ้ามีความกตัญญูต่อบรรพบุรุษแม้กระทั่งท่านล่วงลับไปแล้ว ถ้าเรายังอยู่ มีบรรพบุรุษเฝ้ามองเราอยู่ ท่านที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่กับเรา การดูแลอุปการะท่านความกตัญญูเป็นอะไรที่ดีมาก โดยเฉพาะใครที่ปีชง เป็นคนที่ดูแลพ่อแม่ครอบครัวดีอยู่แล้ว บางทีเราไม่ต้องไปทำพิธีอะไรให้วุ่นวายเลยก็ได้ แต่ถ้าหากอะไรที่เราไม่สบายใจจริง ๆ คือเป็นปัญหาที่ใจ ไม่ได้เป็นปัญหาที่ดวง เพราะบางทีปัญหาที่ดวงมันก็ยังมีทางที่จะแก้ได้ แต่ถ้าเป็นปัญหาที่ใจก็ไปสักหน่อยก็ได้เพื่อความสบายใจ แต่เราก็ดูเรื่องระยะห่าง เพราะไปไหว้พวกนี้ยืนกันแบบไม่ได้เว้นระยะห่าง เชื่อว่าในปีฉลูทองนี้ อย่างน้อยพ้นปีชวดไปสักที เพราะปีชวดที่ผ่านมาแต่ละเรื่องคือโหดร้าย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวงการคือทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่อยากให้กลับมาอีก

     

โดยรวมแล้วหลังตรุษจีนปีนี้ดีขึ้นไหม เทียบกับปีที่แล้ว

   ผมว่าดีขึ้น คือตอนนี้มันมีปรากฏการณ์อันหนึ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมมาแล้ว แล้วก็แรงมากในช่วงสัปดาห์ 2 สัปดาห์นี้ คือดาวรวมตัวกัน 5 ดวง ซึ่งอันนี้ทำให้ชีวิตเกิดความวุ่นวาย คือ ไม่ใช่แม้แต่เมืองไทย แต่ทั้งโลกจะมีจุดที่พีคอยู่ ซึ่งปรากฏการณ์อันนี้ส่งผลต่อราศีมังกร และราศีกรกฎ แต่ว่าพอหลังตรุษจีนไปแล้วเพราะบังเอิญมันมาเปลี่ยนใกล้กันพอดี ปรากฏการณ์ที่ดาวมารวมตัวกัน 5 ดวงก็จะค่อย ๆ คลี่คลายลง พอเลยจากตรงนี้ไป มีนาคม เมษายน ดาวพฤหัสบดีเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งเดียวในปีนี้ ก็จะส่งผลให้สถานการณ์ต่าง ๆ ไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องย้ำว่าก็อย่าไปประมาทก็แล้วกัน (ซึ่งจริง ๆ ที่เผมเคยมาแล้วเคยพูดเรื่องโควิด 19 ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ที่มาบอกว่าโควิดจะกลับมาใหม่อีกครั้ง) ก่อนที่ โควิด 19 จะกลับมาไม่กี่วัน และหลังจากสงกรานต์ คือ ปีใหม่ไทย สถานการณ์จะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ ใครที่กำลังรู้สึกท้อแท้