ศบค.พิจารณาปรับมาตรการกักตัว 21 วัน ป้องกันโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากแอฟริกาใต้
15 ก.พ. 2564, 14:33
วันนี้ (15 ก.พ. 2564) ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) แถลงว่า สำหรับกรณีผู้ป่วยเพศชายอายุ 41 ปี ที่เดินทางมาจากแทนซาเนีย ต่อเครื่องที่เอธิโอเปีย ตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในขณะกักตัวในสถานกักกันโรคของรัฐ หลังจากนั้น กรมควบคุมโรคส่งตัวอย่างตรวจระบุสายพันธุ์ ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาล (รพ.) จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ยืนยันผลว่าสายพันธุ์แอฟริการายแรกของไทย
ทั้งนี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สายพันธุ์แอฟฟริกา มีการแพร่ระบาดอยู่ในหลายประเทศทั้งในแอฟริกาและอีกหลายประเทศในทวีปยุโรป ไม่ว่าจะอังกฤษ เบลเยี่ยม สวิตซ์เซอร์แลนด์ หรือแพร่ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา รวมถึงบางส่วนของออสเตรเลียด้วย
“ดังนั้นประเทศไทยต้องมีการคัดกรองอย่างเข้มข้นที่ด่าน เพื่อนำคนที่เข้ามาจากต่างประเทศเข้าสู่ระบบการกักตัวอย่างเป็นระบบ และอาจจะมีการพิจารณาปรับมาตรการกักตัวเพิ่มจาก 14 วัน เป็น 21 วัน เหมือนกับที่ปรับการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอังกฤษ เพราะถือเป็นเชื้อกลายพันธุ์ที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีน โดยเฉพาะวัคซีนของบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า” ผู้ช่วยโฆษก ศบค.กล่าว
จะมีการฉีดวัคซีนในจังหวัดท่องเที่ยวหรือไม่ ?
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนนั้น ในจังหวัดท่องเที่ยวได้แน่นอน แต่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติได้ประชุมใกล้ชิดกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ ศบค.จะมีการจัดสรรวัคซีนให้เป็นระยะๆ ระยะแรกที่วัคซีนมีจำนวนจำกัดระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคมนี้ จะฉีดให้บุคลากรการแพทย์ และพื้นที่เสี่ยงระบาดรุนแรง ส่วนระยะต่อมาที่คาดว่าวัคซีนมีมากพอ คือเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2564 นั้น กลุ่มการท่องเที่ยวก็จัดอยู่ในระยะนี้ที่ต้องได้รับวัคซีน
ที่มา matichon