"พิษไฟไหม้ป่าพรุ" เมืองคอน เสียหายแล้วกว่า 5 พันไร่
4 ส.ค. 2562, 12:38
วันที่ 4 ส.ค.62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานสถานการณ์ไฟลุกไหม้ป่าพรควนเคร็งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่า ตำรวจ ทหาร ฝายปกครอง กรมชลประทาน มูลนิธิ และประชาชนจิตอาสาจากทั่วประเทศ ได้ระดมกำลังแยกย้ายกันลงพื้นที่เฝ้าระวังและร่วมดับไฟไหม้ที่ยังคงลุกลามขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ โดยความรุนแรงมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และแรงลมที่พัดกรรโชกว่ารุนแรงมากน้อยแค่ไหน โดยพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งและพื้นที่การเกษตรของชาวบ้านถูกไฟไหม้เสียหายแล้วเกือบ 5,000 ไร่ โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นไฟที่ลุกไหม้เข้าไปใกล้บ้านเรือนของชาวบ้านหลายจุดเอาไว้อย่างหวุดหวิด
โดยแนวทางในการดับไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในขณะนี้มีทั้งการระดมกำลังเจ้าไปฉีดน้ำดับไฟ และการสูบผลัดดีนน้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเพื่อความระดับน้ำใต้ดิน ทำให้สามารถควบคุมไฟในหลายจุดให้อยู่ในวงจำกัด โดยจุดที่สามารถควบคุมไฟได้แล้วเจ้าหน้าที่จะยังคงฉีดน้ำเพิ่มเติมเพื่อให้น้ำไหลซึมลงไปดับไฟที่ไหม้คกครุ่นอยู่ใต้ดิน สำหรับพื้นทีที่ได้รับควาเสียหายใน ต.การะเกด ประกอบด้วยหมู่ 4 ,6 ,7,8 และหมู่ 11
ขณะเดียวกันกรมควบคุมมลพิษ ได้นำหน่วยตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเคลื่อนที่ มาติดตั้งเพื่อตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ โดยติดตั้งที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเขาพระบาท อำเภอเชียรใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช และจะรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศให้ทราบอย่างเป็นทางการต่อไป
ด้านกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศสรุปตัวเลขไฟไหม้ในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งมีพื้นที่รวม 309,415 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 5 อำเภอของจังหวัดนครศรีธรรมราช ประกอบด้วย อ.ชะอวด อ.เชียรใหญ่ เฉลิมพระเกียรติ หัวไทร และร่อนพิบูลย์ หลังจากฝนทิ้งช่วงทำให้พื้นที่แห้งแล้ง กระทั้งเกิดไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งมาตั้งวันที่ 30 ก.ค.62 และลุกลามขายวงกว้างรวมเกดเหตุ 87 ครั้ง รวมพื้นที่เสียหาย 4,783 ไร่ จึงประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบสาธารณะภัย (เขตประสบภัยพิบัติ) แล้ว
รศ.ดร.รงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า การระดมกำลังทุกภาคส่วนทั่วประเทศมาร่วมปฏิบัติการดับไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งตนได้ลงพื้นที่ไปร่วมปฏิบัติการด้วยนั้นเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น โดยตนเก็บข้อมูลในด้านต่าง ๆ เพื่อนำเสนอต่อพลังพลังปรารัฐและรัฐบาลในการหามาตรการแก้ไขปัญหาอย่างถาวรต่อไป โดยแนวทางที่จะทำให้ปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งลดน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้น ทางฝ่ายนักวิชาการและฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ร่วมในการศึกษาวิจัย สรุปในภาพกว้าง ๆ ว่าจะต้องหาทางในการเพิ่มปริมาณน้ำใต้ดินให้สูงขึ้น แต่จะใช้รูปแบบ วิธีการใดนั้นจะมีการพิจารณาเพื่อสรุปแนวทางและนำไปสู่การปฏิบัติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฝ่ายนักวิชาการที่ทำการศึกษา วิจัยแนวทางการแก้ไขปัญหาไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็ง ระบุแนวทางหนึ่งคือการผลักดันน้ำจากแม่น้ำปากพนังเข้าสู่คลองชะอวด-แพรกเมือง และคลองสาขาต่าง ๆ ในเขตป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งจะทำให้น้ำในป่าพรุมีความชุ่มชื่นเพราะน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นปัญหาไฟไหม้ป่าพรุก็จะลดน้อยลงไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามในส่วนของสาเหตุการเกิดไฟไหม้นอกจากเกิดจากธรรมชาติแล้ว มีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ตั้งใจจุดเพื่อนำพื้นที่มาในการประกอบอาชีพทางการเกษตร แต่บุคคลที่ก่อเหตุมีทั้งชาวบ้านธรรมดาที่อาจจะต้องการพื้นที่ป่าเสท่อมโทรมเพียงไม่กี่สิบไร่ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้มีเป้าหมายต้องการพื้นที่นับพันนับหมื่นไร่
“นอกจากนี้ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านยังระบุว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ของรัฐบางคนที่จุดเพื่อเอางบประมาณในการปฏิบัติการดับไฟป่าแต่ไม่มีพยานหลักฐานยืนแน่ชัด ทางรัฐบาลจะต้องมอบหมายภารกิจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อร่วมสอบสวนสืบสวนและหาพยานหลักฐานมัดตัวผู้ที่ร่วมกระทำผิดเพ่อดำเนินคดีตามกฎหมายบ้านเมืองอย่างเฉียบขาดต่อไป ”