เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ปลัดจังหวัดประจวบฯ สั่งตั้งกรรมการสอบฝ่ายปกครองอำเภอส่อพิรุธนำ 5 เมียนมาหลบหนีเข้าเมือง


20 ก.พ. 2564, 12:15



ปลัดจังหวัดประจวบฯ สั่งตั้งกรรมการสอบฝ่ายปกครองอำเภอส่อพิรุธนำ 5 เมียนมาหลบหนีเข้าเมือง




วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2564 จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สั่งให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมือง และ ผู้ใหญ่บ้าน และฝ่ายปกครองอำเภอ ถึงกรณีมีรายงานระบุว่าเข้าข่ายลักลอบนำชาวเมียนมา 5 ราย ทราบชื่อ นางบี ปลอดโปร่ง อายุ 31 ปี ด.ช.เกรียงศักดิ์ ปลอดโปร่ง อายุ 14 ปี ด.ญ.ไปรยา ทองคำ และเด็กทารก 2 ราย เดินข้ามชายแดนหลบหนีเข้าเมือง ผ่านช่องพุระกำ โดยใช้รถกระบะไม่ทราบหมายเลขทะเบียน จากนั้นนำบุคคลทั้งหมดไปพักไว้ที่หมู่บ้านชาวกะเหรี่ยงวังคะเคียน หมู่ 5 บ้านเนินแก้ว -หนองเสือ หลังจากที่ผ่านมาชาวเมียนมาทั้ง 5 รายเดินทางออกจากหมู่บ้านไปทำไร่ที่ อ.ตะนาวศรี จ.มะริด และขณะที่ป้องกันจังหวัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปประสานกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองฯเพื่อให้รายงานข้อเท็จจริง โดยสอบสวนผู้นำท้องที่ที่เกี่ยวข้องทุกราย ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอว่า ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มงวดหรือไม่

 



สำหรับการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองดังกล่าว รายงานระบุว่า ชาวเมียนมาทั้งหมดได้รับการติดต่อจากนายเป้ ชาวกะเหรี่ยง อายุ 40 ปี เพื่อติดต่อไปหาผู้นำท้องที่นายหนึ่ง พร้อมผู้ช่วย เพื่อให้เดินทางไปรับที่ช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 และนำมาพักอาศัยที่บ้านนายเป้ ทำให้นายตุ้ย ไม่ทราบนามสกุล คนไทยที่มีภรรยาเป็นกะเหรี่ยง ผู้ดูแลชุมชนไม่พอใจการกระทำของผู้นำท้องที่ หลังนำชาวเมียนมาเข้าพักในหมู่บ้านช่วงที่มีการระบาดของโควิด 19 และเกรงจะนำเชื้อมาแพร่ระบาดในชุมชน จึงประสานไปที่เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึกให้ไปตรวจสอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารได้สอบปากคำนางบีรวมทั้งครอบครัว และผู้นำท้องที่รายหนึ่งเพื่อขอทราบข้อเท็จจริง โดยให้เหตุผลว่ากำลังจะแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจหาเชื้อโควิด 19 ซึ่งในข้อเท็จจริง ผู้นำท้องที่ควรนำตัวชาวเมียนมาทั้งหมดไปแจ้งดำเนินคดีในข้อหาลักลอบหลบหนีเข้าเมืองก่อน

จ่าเอกแก้ว คงวงศ์ ป้องกันจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปสวนสวนหาข้อเท็จจริงกรณีเหตุที่เกิดขึ้น ปรากฏว่า บุคคลที่ให้ข้อมูลในตอนแรกได้กลับคำพูดปฏิเสธว่าไม่เห็นตอน ผู้ใหญ่และผู้ช่วย รับพม่าลงมา แต่มาพบเจอในขณะตอนที่อยู่ในหมู่บ้านแล้ว ซึ่งต่างจากที่ได้ให้ข้อมูลไว้ในตอนแรกอย่างสิ้นเชิง จึงได้ด่าว่ากล่าวตักเตือนไปว่า ถ้าไม่เห็นจริงกับตาก็อย่ามาพูดปรักปรำผู้อื่น จะทำให้เขาได้รับความเสียหายได้

 

 


ด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว เปิดเผยว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้นำพาลงมา แต่มาทราบเมื่อตอนได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีกลุ่มชาวกะเหรี่ยงดังกล่าวได้กลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแล้ว จึงได้รายงานให้ฝ่ายปกครองอำเภอทราบ เพื่อหาแนวทางปฏิบัติร่วมกัน พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มาตรวจหาเชื้อโควิด-19 เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าว เป็นผู้ พำนักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนานแล้ว แต่ไปทำไร่อยู่ที่บริเวณสันแดนไทย-พม่า แต่ทนความลำบากไม่ไหวเนื่องจากมีลูกอ่อน จึงได้พากันลักลอบหนีกลับเข้ามาพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านตามเดิม โดยให้น้องสาวของกลุ่มผู้หลบหนีขี่รถจักรยานยนต์ไปรับจากชายแดนกลับมาในหมู่บ้าน จึงอยากวอนขอให้ช่วยกันตรวจสอบว่าบุคคลในภาพ เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชการไหนกันแน่ที่ลักลอบนำพม่าลงมา ผ่านเขตพื้นที่หมู่บ้านที่ตนเองรับผิดชอบ ที่ปรากฏตามในภาพ ใส่เสื้อยืดแขนสั้น คล้ายเป็นของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง มีรอยสักที่แขน และตัดผมสั้นเกรียน วอนอย่าปรักปรำตน ตนสาบานได้ว่าไม่เคยทำเรื่องพวกนี้//////

 






Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.