"ลูกสาว" เหยื่อคลีนิกดูดไขมัน โร่แจ้งความ หลัง "แม่เสียชีวิต" ขณะเข้ารับบริการ
22 ก.พ. 2564, 14:58
จากกรณีของ นางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ อายุ 54 ปี น้องสาวของอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ารับบริการดูดไขมัน ภายในคลินิกเสริมความงามชื่อดังย่านรามคำแหง 24 จนทำให้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 64 ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 22 ก.พ. 64 น.ส.อัยมิญห์ อิทธีรนันท์ อายุ 30 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เข้าให้ปากคำและเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นพพร ศรีสุภาพ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.หัวหมาก เรียบร้อยแล้ว
โดย น.ส.อัยมิญห์ เปิดเผยว่า แม่มีความตั้งใจที่จะดูดไขมันที่ช่วงหลังออก เพราะก่อนหน้านี้ที่ออกกำลังกายมาตลอด เกิดปัญหาว่าไม่สามารถกำจัดไขมันที่หลังได้ โดยก่อนที่แม่จะตัดสินใจดูดไขมันกับคลินิกแห่งนี้ ได้มีการไปปรึกษาโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง และคลินิกอื่นๆ มาหลายที่ กระทั่งทางคลินิกแห่งนี้ได้มีการเข้าไปพูดคุย ทางแพทย์ของคลินิกได้มีการให้ข้อมูลและการันตีถึงผลการรักษา รวมทั้งมีการโฆษณาและพยายามโน้มน้าวใจว่าจะสามารถทำได้สำเร็จ ทำให้แม่เชื่อใจ และได้มีการตกลงค่าใช้จ่ายรวมทั้งนัดวัน ที่จะทำการดูดไขมันในวันที่ 20 ก.พ.64
น.ส.อัยมิญห์ กล่าวว่า ในวันดังกล่าว แม่แจ้งให้ตนเดินทางมารับกลับบ้านในช่วงเวลา 14.00 น. แต่ช่วง 13.06 น. ทางคลินิกติดต่อผ่านทางแอพพลิเคชันไลน์ ทั้งข้อความและการโทร แต่บัญชีไลน์ยังไม่ได้เป็นเพื่อนกัน จึงทำให้ไม่สามารถติดต่อได้ ทางคลินิกจึงเปลี่ยนไปติดต่อทางน้องชายว่า แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ ในเวลานั้นน้องชายได้พยายามแจ้งให้คลินิกนำแม่ไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นเมื่อตนเองเดินทางไปคลินิกเข้าไปหาแม่ ขณะนั้นร่างกายของแม่เย็นแล้ว ทางครอบครัวตั้งข้อสังเกตว่า ก่อนที่จะติดต่อหาญาติ ทำไมทางคลินิกไม่มีการนำตัวแม่ส่งโรงพยาบาลทันที ทั้งที่สถานที่ตั้งของคลินิกอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง
หลังจากที่เข้าไปในคลินิกทำให้ได้เห็นว่าอุปกรณ์รวมทั้งสถานที่ดูไม่ได้มาตรฐาน ด้วย คลินิกเป็นตึกแถว อุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ทำศัลยกรรมและกู้ชีพ ดูไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงในถังขยะ ภายในห้อง เจอหลอดฉีดยาที่ภายในบรรจุน้ำสีขุ่นคล้ายจะเป็นยาสลบ ซึ่งจากการคุยตกลงกันระหว่างแม่และคลินิกระบุว่าจะใช้เพียงยานอนหลับเท่านั้น หลังเกิดเหตุตนได้มีโอกาสคุยกับแพทย์เจ้าของเคสของคลินิก ซึ่งแพทย์ได้แจ้งว่าหลังจากที่เริ่มลงมือดูดไขมันได้เพียง 20 นาที แม่เริ่มมีอาการผิดปกติ จากนั้นทางพยาบาลและหมอพยายามกู้ชีพด้วยการทำซีพีอาร์ แต่ไม่เป็นผล
โดยก่อนจะเริ่มดูดไขมัน ได้มีการไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล และมีการพูดคุยกับพยาบาลของคลินิกถึงกลัวว่าวางยานอนหลับจะทำให้หลับได้นานขนาดไหน จะฟื้นหรือไม่ ทางพยาบาลของคลินิกรับปากว่า ต้องฟื้นอย่างแน่นอน แม่ไม่เคยแพ้ยา ที่ผ่านมาสุขภาพแข็งแรงมาก เพราะมีการดูแลตัวเองอย่างดี และออกกำลังกายมาสม่ำเสมอ แม่เคยผ่านการดูดไขมันมาแล้ว ไม่เคยมีปัญหา และไม่มีอาการแทรกซ้อนแต่อย่างใด
ในวันนี้ได้เดินทางมาที่ สน.หัวหมาก เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการสอบปากคำทางฝั่งผู้เสียหายเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการสอบปากคำบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง 6 คนของคลินิกไปแล้ว และตัวเองยังต้องการที่จะแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มเติมอีกด้วย เพื่อให้มีการดำเนินคดีกับแพทย์และพยาบาลของคลินิกแห่งนี้