วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงแผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทยว่า ประเทศไทย ยังเดินหน้าจัดหามาเพิ่มเติม มีการคุยกับผู้ผลิตหลายเจ้า จะเลือกผู้ผลิตวัคซีนที่มีความเหมาะสมกับประเทศไทย และสามารถจัดส่งได้ตามความต้องการของไทย ข่าวดีคือตอนนี้ได้หารือกับผู้ผลิตรายนั้นแล้วต้องรอฟังข่าวดี วางเป้าว่าจะได้วัคซีนภายในไตรมาสแรก เพื่อมาเสริมวัคซีนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน

นายอนุทินกล่าวว่า วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 วัคซีนทั้ง 2 ยี่ห้อ คือแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 117,000 โดส และซิโนแวค จะเดินทางมาถึงประเทศไทย และความจริงถ้าไม่มีดราม่าเกิดขึ้นกันมากวัคซีนก็จะมาถึงประเทศไทยก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนการเว้นระยะฉีดระหว่างเข็มแรกกับเข็มที่สองนั้นของซิโนแวค จะต้องเว้นห่างกัน 14-28 วัน ส่วนแอสตร้าเซนเนก้า เว้นห่างกัน ประมาณ 6 สัปดาห์ ทั้งนี้รายละเอียดทางวิชาการตนอาจจะระบุรายละเอียดไม่ได้มากนัก เพราะเป็นแผนกสนับสนุนให้เกิดความสำเร็จ

ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "อนุทิน ชาญวีรกูล" โดยระบุว่า "วัคซีนกำลังเดินทางมาประเทศไทย ขอบคุณทุกกำลังใจ ทุกความร่วมมือของคนไทย #คนไทยต้องปลอดภัย"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย. ได้ขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท ซิโนแวค สาธารณรัฐประชาชนจีน เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2564 นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย.ได้ลงนามในเอกสารรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาโคโรนาแวค (CoronaVac) ของบริษัท ซิโนแวค ซึ่งเอกสารทะเบียนจะมีอายุถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ทั้งนี้ วัคซีนดังกล่าวมีกำหนดเดินทางถึงประเทศไทยล็อตแรก จำนวน 2 แสนโดส ด้วยเครื่องบินขนส่งสินค้า ของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 675 ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 10.05 น. ที่เขตปลอดอากรและคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ

จากนั้น เวลา 10.20 น. พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปเป็นประธานรับมอบวัคซีนล็อตดังกล่าว เพื่อลำเลียงออกไปเก็บไว้ที่คลังสำรองวัคซีนโควิด-19 องค์การเภสัชกรรม (อภ.) (คลังศรีเพชร DKSH) บริษัท ดีเคเอสเอช (ประเทศไทย) จำกัด ถนนบางนา-ตราด โดยมีนายอนุทิน พร้อมด้วยนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. นายหยาง ซิน (Mr.Yang Xin) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย และผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วม