(5 ส.ค.62) ผู้สื่อข่าว onb news เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 83/1 หมู่ 6 บ้านท่าช่วง ต.ทุ่งฝน อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี หลังจากได้รับร้องเรียนจากนายสมบูรณ์ ปานเชียงวงศ์ อายุ 64 ปีและนางบัวพันธ์ ปานเชียงวงศ์ อายุ 63 ปี 2 ตายายเจ้าของบ้านถูกโจรห้าร้อยออกอาละวาดขึ้นบ้านกวาดทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำไต้หวัน 5 เส้น กำไลข้อมือ แหวน มูลค่า 500,000 บาทและเงินสด พระเลี่ยมทอง สมุดเงินฝากอีก 6 ฉบับมีเงินสดในบัญชีประมาณ 700000 บาทเศษแล้วหลบหนีไป ทั้งนี้หลังมีโจรขึ้นบ้านขโมยทรัพย์สินไปกว่าครึ่งล้านทำให้สองตายายทุกข์ใจอย่างมาก ผ่านมา 4 วันนอนแทบไม่หลับ เพราะเป็นทรัพย์สินที่เก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่ไปทำงานยังประเทศซาอุและเก็บเล็กผสมน้อยขายผักในตลาดเช้าและบางส่วนเป็นทรัพย์สินที่ลูกสาวไปทำงานยังประเทศไต้หวันซื้อสร้อยคอทองคำไต้หวันมาให้เก็บไว้ให้ 

 

 

โดยทั้ง 2 ตายายพาผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าไปดูจุดที่คนร้ายเข้ามาทางป่ากล้วยแล้วใช้ไม้ไผ่พาดกำแพงก่อนปีนข้ามมาภายในบ้าน ได้งัดหน้าต่างมีรอยรองเท้าติดอยู่ฝาบ้าน จากนั้นคนร้ายได้เข้าไปในบริเวณชั้นล่าง รื้อค้นตู้เสื้อผ้าหาทรัพย์สินมีค่าจนกระจุยกระจาย และคนร้ายได้ขึ้นไปชั้นบนของบ้าน งัดประตูห้องนอนเข้าไปรื้อตู้เสื้อผ้าและตู้หมอนและผ้าห่ม โดยคุณยายบัวพันธ์ได้เอากระเป๋าซ่อนเอาไว้ในตู้หมอนและผ้าห่ม โดยในกระเป๋ามีเงินสดจำนวน 50000 บาทซึ่งเป็นเงินสดที่ได้จากการขายผักตลาดเช้าเก็บเล็กผสมน้อยมาเก็บไว้ และสร้อยคอทองคำ กำไลข้อมือ แหวน ซึ่งทั้งหมดเป็นทองไต้หวันที่ลูกสาวไปทำงานแล้วซื้อมาให้เก็บไว้ในกระเป๋ามูลค่า 500000 บาท รวมทั้งพระเลี่ยมทอง และเหรียญหลวงพ่อคูณ หลวงปู่มั่น พระอาจารย์ฟั่นรุ่นเก่าๆ ก็ก็หายไปด้วย นอกจากนี้ยังมีสมุดบัญชีเงินฝากของธกส และธ.กรุงเทพจำนวน 6 เล่มมีเงินในบัญชีรวมแล้วกว่า 700000 บาทเศษได้หายไปด้วย เหลือไว้เพียงแหวนไต้หวันของหลานสาวเอาไว้ให้แค่วงเดียวเท่านั้น

 

 

 

 

ตาสมบูรณ์และยายบัวพันธ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงความทุกข์ระทม โดยบอกว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาตนเองและยายปกติจะพากันไปทำสวนปลูกผักสวนครัวเพื่อไปขายตลาดเช้าที่อยู่ท้ายหมู่บ้านห่างไปประมาณ 1 กม.ทุกวันก็จะไปแบบ ไปเช้าเย็นกลับ ประมาณห้าหกโมงเย็นถึงจะได้กลับบ้านแทบทุกวัน แต่วันนั้นกลับมาห้าโมงเย็นครึ่ง  ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกตว่ามีคนร้ายเข้าบ้านยังชงกาแฟกินอย่างสบายอารมณ์  แต่ยายมาถึงเห็นกระดาษตกอยู่และเงินเหรียญบาทและเหรียญสิบกระจายอยู่ ประกอบกับเห็นลิ้นชิกตู้เปิดอยู่เริ่มเอะใจ พอไปดูตู้เสื้อผ้าอีกหลายตู้ก็พบเสื้อผ้าถูกรื้อกระจุยกระจาย ก็ร้องตะโกนบอกยายว่า ยายโจรขึ้นบ้านแล้ว ยายตกใจวิ่งขึ้นไปชั้นบนของบ้านซึ่งเป็นที่เก็บสร้อยคอทองคำและเงินสดเอาไว้ เปิดประตูเข้าไปแทบเป็นลม ตู้เก็บหมอนและผ้าห่มถูกรื้อกระจุยกระจายออกมาหมด กระเป๋าซึ่งมีสร้อยคอทองคำไต้แหวน  5 เส้น กำไลข้อมือ 2 อัน  แหวน 2 วง เงินสด 50000 บาท เหรียญพระเก่าๆ หายไปหมดสิ้น และยังมีสมุดบัญชีธนาคารอีก 6 เล่มคนร้ายก็เอาไปด้วย มีเงินสดประมาณ 7 แสนบาทเศษ หากรวมแล้วคนร้ายขึ้นบ้านครั้งนี้ได้ทรัพย์สินล้านบาทเศษไป

 

 

 

คุณตาสมบูรณ์และคุณยายบัวพันธ์ บอกอีกว่า ตอนนี้ทุกข์ใจมาก กินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะทรัพย์สินที่ถูกโจรขึ้นบ้านขโมยไปเป็นของมีค่าที่ลูกสาวไปทำงานต่างประเทศและซื้อมาให้เก็บไว้ และบางส่วนเป็นทุนที่ตาไปทำงานประเทศซาอุและยายไปขายผักตลาดเช้าเก็บเล็กผสมน้อยเอาไว้เป็นทรัพย์สินที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต โดยตาสมบูรณ์บอกว่า ในส่วนของสมุดบัญชีเงินฝาก กลัวโจรพวกนี้ไปหาซื้อเครื่องอ่านลายนิ้วมือปลอมลายเซ้นเพื่อไปทำวิธีเบิกเงินจากธนาคาร แต่ตอนนี้ได้ทยอยแจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัญชีแล้ว แต่ที่เสียใจคือตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีโจรขึ้นบ้านแบบนี้ ทรัพย์สินมีค่าที่เก็บจากทำงานเป็นหนุ่มจนถึงอายุ 64 ปีต้องมลายหายสิ้นไปกับโจรพวกนี้ ตอนท้ายคุณตาสมบูรณ์และคุณยายบัวพันธ์ยกมือไหว้ท่วมหัว วิงวอน พล.ต.ต.วรณัฏฐ์ ผันผ่อน ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี เร่งติดตามคนร้ายให้ได้ เพราะเป็นทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายที่มีอยู่ ตอนนี้ได้ไปแจ้งความที่สภ.ทุ่งฝนเรียบร้อยแล้ว