รวบ "แรงงานชาวเมียนมา" หลบหนีเข้าเมืองกาญจนบุรี
2 มี.ค. 2564, 13:36
จากนโยบายของ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ( ผบ.ฉก.ลาดหญ้า ) กกล.สุรสีห์ สั่งการให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่อยู่เส้นทางตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะการลักลอบขนแรงงานชาวเมียนมา เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย โดยเฉพาะเส้นทางถนนสาย 323 สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี และเส้นทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ในระยะทาง 371 กิโลเมตร
จากนโยบายดังกล่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวONB news รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ นำโดย พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้ร่วมกันจุบกุมแรงงานชาวเมียนมาขณะหลบซ่อนตัวอยู่ตามชายป่า ที่เป็นช่องทางธรรมชาติ ด้านหลังจุดตรวจร่วมน้ำเกริ๊ก หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จำนวน 7 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 3 คน อายุระหว่าง 12-56 ปี
เบื้องต้นแรงงานทั้ง 7 คน รับสารภาพว่าพวกตนเป็นชาวบ้านบ้านไร่อ้อย ประเทศเมียนมา และกำลังเดินทางไปทำงานกับนายจ้างในพื้นที่อำเภอสังขละบุรี โดยการลักลอบเดินเท้าข้ามชายแดนมาฝั่งไทยด้วยการใช้ช่องทางธรรมชาติ จากนั้นเดินลัดเลาะไปตามชายป่าเพื่ออ้อมจุดตรวดร่วมน้ำเกริ๊ก ระหว่างนั่งพักก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน
หลังจากเจ้าหน้าที่จับกุมตัวแรงงานทั้ง 7 ราย เอาไว้ได้ จึงดำเนินการตรวจวัดอาการไข้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจพบแรงงานทั้ง 7 ราย มีอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ในฐานะโฆษกประจำกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่าปัจจุบันด่านตรวจเพื่อคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ข้ามจังหวัดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีได้ยกเลิกไปแล้วเนื่องจากสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ โดยพบว่าผ่านมาแล้ว 38 วัน ไม่พบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ แต่ด่านคัดกรองโควิด-19 ตามแนวชายแดนยังคงอยู่ต่อไป
ที่ผ่านมากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกับ พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.กก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังปฏิบัติหน้าที่ตามจุดตรวจร่วมรวมทั้งลาดตระเวนตามช่องทางธรรมชาติกันอย่างเข้มข้นเพื่อป้องการการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายกันอย่างเข้มข้นมาโดยตลอด
ล่าสุดเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ทหารหน่วย ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประจำจุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ช่องเขาหนีบ ต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านเก่า ว่ามีแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา หลบหนีเข้าเมืองเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ห่างจากหลังจุดตรวจมั่นคงช่องเขาหนีบไปตามไหล่เขา ระยะทาง ประมาณ 4 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบปรากฎพบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาจำนวน 17 คน เป็นชาย 6 คน และหญิงจำนวน 11 คน หลบซ่อนตัวอยู่ภายในสวนของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวเอาไว้ โดยแรงงานทั้งหมดไม่มีพาสปอร์ต และไม่มีเอกสาร ยืนยันรับรองการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ตม.ประเทศเมียนมา และจังหวัดกาญจนบุรี แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเอาไว้พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจไม่พบอุณหภูมิในร่างกายเกิน 37.5 องศาเซลเซียส
จากการสอบถามกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ข้างต้นทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดทวาย ประเทศเมียนมา โดยเดินเท้าลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ตามแนวตะเข็บป่าชายเขาเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร จากนั้นได้มาพักรอยังจุดนัดพบที่เป็นสวนของชาวบ้าน ห่างจากจุดตรวจช่องเขาหนีไปประมาณ 4 กิโลเมตร โดยจะมีรถยนต์มารับไปทำงานในพื้นที่ต่างๆ ระหว่างรอก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อน
หลังจากทั้งหมดให้การยอมรับสารภาพในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนปลายทางที่จะไปทำงานนั้น ทราบว่า แรงงานทั้ง 17 ราย จะเดินทางไปทำงานที่ จ.นครปฐม จำนวน 9 คน ไปทำงานที่มหาชัย จำนวน 4 คน และไปทำงานที่ จ.สมุทรปราการ อีก จำนวน 2 ราย และได้จ่ายเงินให้นายหน้าชาวเมียนมา ชื่อ มิน มิน เป็นจำนวนเงินคนละ 11,000 บาท