ผวจ.สุราษฎร์ธานี สั่งเร่งติดตามจับ "จระเข้" หลังพบโผล่ในคลอง อ.พุนพิน
4 มี.ค. 2564, 18:56
ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2564 นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้นายอำเภอพุนพินและสำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เร่งตรวจสอบกรณีมีประชาชนที่พบจระเข้อยู่ในคลองบริเวณพื้นที่ตำบลลีเล็ด อำเภอพุนพิน และใกล้เคียงโดยได้ประสานส่งเจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี) อ.บ้านตาขุน หรือชุดไกรทอง ไปเฝ้าติดตามตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 3 มี.ค.64 ที่ผ่านมาสันนิษฐานว่า อาจเป็นสายพันธุ์จระเข้น้ำเค็ม ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวและประชาชนในพื้นที่ร่วมติดตามอยู่ต่อเนื่อง
นายวิชวุทย์ กล่าวว่า สำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้รายงานการเข้าตรวจจระเข้ในฟาร์มเลี้ยงของเกษตรกรยังอยู่ครบ จึงคาดว่าไม่มีจระเข้หลุดออกมา โดยล่าสุดมีประชาชนพบจระเข้อยู่บริเวณสะพานศรีวิชัย อ.พุนพิน จึงขอเตือนให้ประชาชนที่บ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำบริเวณดังกล่าวได้ระมัดระวัง พร้อมขอให้นายอำเภอพุนพิน กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ตรวจสอบและแจ้งเบาะแส เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
ทั้งนี้เนื่องจาก นายณัฐวุฒิ นาคเลี้ยว ชาวประมงพื้นบ้าน มีอาชีพดำน้ำจับกุ้งหลวงในคลอง หนึ่งผู้ร่วมปฏิบัตการตามจับจระเข้ หลังพบจระเข้ตัวดังกล่าวลอยบนผิวน้ำเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา บริเวณคลองพุนพิน กั้นระหว่าง ม.5 ต.ลีเล็ต อ.พุนพิน และ ต.บางโพธิ์ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
โดย นายณัฐวุฒิ เล่าว่า ในคืนนั้นประมาณเที่ยงคืน ขณะออกไปตกกุ้งกับเพื่อน 3 คน จำนวน 2 ลำ เพื่อนได้เจอก่อนเพราะได้ยินเสียงหมาเห่า จึงโทรตามให้ตนมาดู ก็พบจระเข้ตัวดังกล่าวลอยว่ายทวนกระแสน้ำที่กำลังไหลลงมาทางต้นน้ำ ห่างจากริมคลองฝั่งตรงข้ามที่พวกตนตกกุ้งอยู่ประมาณ 3 เมตร เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก่อนจะดำน้ำหายไป ซึ่งตลอดทางมีเพื่อนคนตกกุ้งที่จอดเรือตกริมฝั่งคลอง เห็นไม่ต่ำกว่า 10 คน
นายศรเทพ ทุมรัตน์ เล่าว่า ในคืนวันอังคารที่ 1 มี.ค. ตอนประมาณเกือบเที่ยงคืน รอจะซ่อมเรือได้ยินเสียงหมาเห่าที่ฝั่งตรงข้ามคลอง จึงส่องไฟไปดูพบมีแสงสะท้อนเหมือนตาจระเข้ จึงพายเรือเข้าไปดูให้แต่ใจ ห่างประมาณ 2 เมตร พบเป็นจระเข้ลอยคออยู่จริง จึงพายกลับทันที แต่จากการสังเกตพบว่าไม่มีอาการดุร้าย ก่อนจะตาม นายณัฐวุฒิ มาช่วยกันดูเมื่อจระเข้ว่ายทวนกระแสน้ำไปด้านต้นน้ำ จากนั้นจระเข้ว่ายกลับมาที่เดิมใช้ระยะเวลาร่วม 1 ชั่วโมง ก่อนจะว่ายน้ำขึ้นกลับไปด้านต้นน้ำอีกครั้ง จึงพายตามห่างๆ จนจระเข้ดำน้ำหายไป
หลังจากนั้น นายณัฐวุฒิ ได้เจอตัวจระเข้ อีกครั้งเมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ห่างจากหน้าวัดบางใหญ่จุดที่เจอในครั้งแรกประมาณ 3 กิโลเมตร ในพื้นที่ท่าอิฐ อ.เมือง พยายามถึงตี 4 เจอตัว 4 ครั้ง แต่ไม่สามารถจับตัวไว้ได้ เพราะตัวใหญ่กว่าที่คิด เบื้องต้นคาดว่าเป็นจระเข้น้ำเค็ม