วันนี้ 5 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ ด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมคณะหัวหน้าส่วนราชการเดินทาง ให้การต้อนรับพร้อมให้ข้อมูลเกี่ยวกับด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งเป็นด่านผ่านแดนถาวรเพียงแห่งเดียวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จะเป็นจุดสำคัญในการเชื่อมโยงการค้าขายนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศไทยและเมียนมา

 

โดยหลังจากได้รับฟังการรายงานสรุปเกี่ยวกับข้อมูลของด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อนแล้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พร้อมคณะได้เดินทางไปยัง ชายแดนไทยเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่รถขนสินค้าทั้งจากประเทศเมียนมา และประเทศไทยนำเอาสินค้ามาขนทายที่บริเวณดังกล่าว อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้ทั้งสองประเทศยังไม่อนุญาตให้มีการ เดินทางผ่านเข้าออกระหว่างประเทศได้ในตอนนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวว่า ด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญทั้งในการนำเข้าส่งออกสินค้าระหว่างประเทศไทยและเมียนมา ถึงแม้ว่าในปัจจุบันตัวเลขการนำเข้าและส่งออกสินค้าจะมีมูลค่าไม่มากนัก อันเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ประกอบกับสถานการณ์การเมืองในประเทศเมียนมา ที่ยังคงไม่มีความแน่นอน

 

แต่ในอนาคต เชื่อว่าด่านบ้านพุน้ำร้อนแห่งนี้ จะมีความสำคัญ ในด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศมากมาย เนื่องจากด่านผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน มีเส้นทางที่เชื่อมระหว่างบ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ไปยังท่าเรือน้ำลึก ที่เมืองทวายระยะเพียง 150 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถือว่าสั้นกว่าเส้นทางที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากมาก อีกทั้งคืนที่ยังดึงดูดการลงทุนโดยเฉพาะการลงทุนในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมบ้านพุน้ำร้อน ที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากทั่วประเทศ ให้มาลงทุนสร้างโรงงานรวมถึงโกดังสินค้าในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยสร้างงานสร้างรายได้อีกเป็นจำนวนมาก

 

ดังนั้น นโยบายเร่งด่วนในขณะนี้ก็คือการดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบ้านพุน้ำร้อน ซึ่งการจะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาในพื้นที่ได้ ในพื้นที่เองจะต้องมีความพร้อมทั้งในส่วนของสาธารณูปโภคพื้นฐานไฟฟ้า น้ำประปา และเส้นทางการคมนาคม ซึ่งในส่วนของไฟฟ้านั้นก็มีการติดต่อประสานงานเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องของน้ำประปาจะต้องมีการให้ทางกรมชลประทานเข้ามาดูแลและหาแหล่งน้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งวางแผนจัดสรรให้เกิดประโยชน์ทั้งกับในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมและชาวบ้านในพื้นที่ที่จะสามารถนำน้ำไปใช้ในการเกษตรได้ด้วย โดยในส่วนของภาคเกษตรกรรมนั้น รัฐบาลได้มีโครงการเงินกู้ห้าหมื่นล้าน ดอกเบี้ยล้านละ 100 ซึ่งจะเปิดให้เกษตรกรได้เข้ามายื่นกู้เพื่อนำไปใช้เป็นทุนในการทำการเกษตรทั้งปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์

 

โดยที่จังหวัดกาญจนบุรี ถือเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่กว้างขวาง หากส่งเสริมให้เกษตรกรได้ลงทุนปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์จะช่วยสร้างรายได้และสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้อีกมาก ส่วนสินค้าที่นำเข้าบางอย่างก็อย่าให้มากเกินจนส่งผลกระทบของคนไทย โดยเฉพาะหัวหอมเป็นสินค้าที่ปลอดภาษี ซึ่งของเกษตรกรไทยเราก็มีการปลูกมาก ผลผลิตก็มีมากเช่นกัน