เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ส.ต.อ. ทะเลาะแฟนสาว ตัดใจจบชีวิตพร้อมกัน พ้นขีดอันตราย เตรียมดำเนินคดี


15 มี.ค. 2564, 16:46



ส.ต.อ. ทะเลาะแฟนสาว ตัดใจจบชีวิตพร้อมกัน พ้นขีดอันตราย เตรียมดำเนินคดี




จากกรณี ส.ต.อ.บี (นามสมติ) อายุ 32 ปี ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม สภ.สิเกา จ.ตรัง ใช้อาวุธปืนจ่อยิง น.ส.เอ (นามสมติ) อายุ 34 ปี ชาว ตำบลทุ่ง อำเภอไชยาสุราษฎร์ธานี ที่ภายในสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง อ.ไชยา ต่อหน้าพนักงานร้านกาแฟ ที่ น.ส.เอ วิ่งไปขอความช่วยเหลือโดย ส.ต.อ.บี จากนั้นใช้อาวุธปืน กระบอกเดียวกันยิงตัวเองบาดเจ็บ โดยหลังเกิดเหตุ

คืบหน้าล่าสุดวันที่ 15 มีนาคม  ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.ต.อ. อรุณพงษ์ ภารพบ ผกก.สภ.ไชยา กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า น.ส.เอ เป็นพนักงานเซลล์ขายยาทางการแพทย์ และได้ขับรถยนต์ CRV มาที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าวเพื่อใช้ wifi ในการทำงาน และ ส.ต.อ.บี ได้ขับรถกระบะมาพบก่อนจะพูดคุยตกลงปัญหากันที่ ภายในร้านข้างๆ ร้านกาแฟเป็นเวลา กว่า 1 ชั่วโมง และผู้ตายได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือที่หลังเคาน์เตอร์พนักงาน ในร้านกาแฟ ที่อยู่ใกล้กัน ก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบของชุดพิสูจน์หลักฐาน 8 เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนตกอยู่ จำนวน 3 ปลอก ปืนกล็อก 9 มม. พร้อมปลอกกระสุนตกที่เกิดจำนวน 3 ปลอก และได้ทำการตรวจค้นภายในรถกระบะของผู้ก่อเหตุ พบขวดเบียร์ 3 ขวด และที่เป็นกระป๋องเบียร์อีก 3 ขวด คาดว่าผู้ก่อเหตุคงดื่มเบียร์มาระหว่างทางก่อนถึงที่เกิดเหตุเพื่อพูดคุยกับผู้ตาย พร้อมพบซองอาวุธปืนและเสื้อสะท้อนแสง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเก็บรถคันดังกล่าวไปไว้ที่สภ.ไชยา เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานหาข้อเท็จจริงต่อไป

 

 



โดยหลังจากเกิดเหตุ ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรสุราษฎร์ธานี ได้สั่งกำชับสั่งการในการทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้ได้มีการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้อายัดตัว และคอยเฝ้า ส.ต.อ.บี อยู่ที่ โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และอาการล่าสุดพ้นขีดอันตรายแล้ว ซึ่งหากแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ก็จะนำตัวมาทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรไชยา เพื่อดำเนินคดีต่อไป พ.ต.ต.อรุนพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ญาติผู้ตายได้จัดเตรียมงานบำเพ็ญกุศลศพ น.ส.เอ โดยจะตั้งบำเพ็ญกุศลจำนวน 4 คืน โดยยังไม่ได้กำหนดวันฌาปณกิจ โดยมีสำนักงานยุติธรรมจังหวัด ได้ลงพื้นที่ เพื่อพูดคุยกับญาติผู้เสียชีวิตในเรื่องของการเยียวยาเหยื่อในคดีอาชญากรรมซึ่งทางรัฐจะมอบเงินช่วยเหลือให้ แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่ได้รับผลกระทบ

ด้านนางอำภา อายุ 60 ปี กล่าวว่า ลูกสาวตนเองรู้จักกับผู้ก่อเหตุเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการไปร่วมงานแต่งงานของเพื่อนและมีเพื่อนได้แนะนำให้รู้จักกับผู้ก่อเหตุเมื่อเริ่มคบเป็นแฟนเห็นนิสัยและความประพฤติของผู้ก่อเหตุเป็นคนไม่ดี จึงพยายามตีตัวออกห่าง แต่ผู้ก่อเหตุก็ยังพยายามตามง้ออยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ทะเลาะกันบ่อยครั้งเพราะผู้ตายไม่ต้องการคบหากับผู้ก่อเหตุ แต่ไม่คาดคิดว่าผู้ก่อเหตุจะลงมือทำการเช่นนี้ แต่ก่อนหน้านี้ แม่ก็ได้บอกกับผู้ตายว่า ระวัง ว่าผู้ก่อเหตุจะยิงเอา แม่ก็ได้ย้ำเตือนกับผู้ตายแล้ว แต่ลูกสาว ก็บอกว่าเขาไม่กล้ายิงหรอกเขาคงไม่กล้าเพราะเขาใจน้อย แต่พอมาวันนี้ ก็เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจริงๆ และแม่ก็เสียใจมาก เพราะผู้ตายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเป็นคนส่งเสียทางบ้านทั้งหมด ซึ่งทางญาติๆ ขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.