ประทับใจ! ครูเกษียณ อาสาสอนแทนครูสาวป่วยมะเร็ง หวังลูกได้พัก
18 มี.ค. 2564, 08:56
17 มี.ค. 64 ผู้สื่อข่าวรายานที่โรงเรียนชุมชนบ้านปาดัง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จากเรื่องราวที่ ครูจริยา ( สุวรรณรักษา )จอมพิพัฒพงศ์ อายุ 67 ปี ชาวปาดังเบซาร์ ได้เข้ามาสอนหนังสือให้กับเด็กนักเรียนชั้น ป.1/4 เป็นเวลา 3 สัปดาห์แล้ว เนื่องจาก ลูกสาวคือ น.ส.พนิดา หรือครูพี่หนิง จอมพิพัฒพงศ์ อายุ 41 ปี เป็นครูสอนนักเรียนที่ห้องดังกล่าวได้ป่วยเป็นมะเร็งที่เต้านมระยะที่ 2 ต้องรับการรักษา โดยการฉีดคีโมบำบัด ทำให้เกิดอาการแพ้เคมีจนผมร่วงหมดทั้งศรีษะ
ครูจริยา บอกว่าหลังจากที่เกษียณอายุราชการก็ได้ทำอาชีพขายผ้าม่าน โดยหลังจากที่ทราบข่าวว่าลูกสาวป่วยด้วยโรคมะเร็ง ก็รู้สึกตกใจและเสียใจแต่ก็คอยเป็นกำลังใจให้ลูกตลอดมา คอยดูแลมาตลอดลูกอยากกินอะไรก็ทำให้กิน
ก่อนหน้าที่จะกลับมาสอนเด็กนักเรียนอีกครั้ง เคยคุยกับลูกว่าจะแจ้งให้กับทาง ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบก่อน เพื่อที่จะไปขอสอนแทนในช่วงที่ลูกสาวต้องพักฟื้นจาการรักษา แต่ไม่ทันได้แจ้งวันหนึ่งลูกสาวโทรมาหาบอกคุณแม่ว่ารู้สึกอ่อนเพลีย ลูกสอนเด็กไม่ไหวแล้ว คุณแม่จึงรีบขับรถบึ่งมาที่โรงเรียน ทำการสอนเด็กนักเรียนแทนลูกสาวทันที
วันต่อมาคุณแม่ก็ไปสอนแทนอีก ครูพี่หนิงจึงไปแจ้ง ผู้อำนวยการโรงเรียน ชื่อ ผอ.สุภาพ ทองน้อย เรียนท่านว่า วันแรกเหตุการณ์ฉุกละหุกจึงไม่ได้เรียนให้ท่านทราบ ด้านผู้อำนายการก็เป็นห่วงจึงได้มาตรวจสอบที่ห้องเรียน ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ ที่ ผอ.สุภาพ ทองน้อย เคยเป็นศิษย์ ของคุณครูจริยา ฯ ตั้งแต่สมัย บรรจุครั้งแรก ที่โรงเรียนวัดบ่อเกด ต.ทุ่งหมอ อ.สะเดา ท่านผอ.สุภาพ ทองน้อย เดินเข้ามาในห้องและแนะนำเด็กๆว่า คุณครูจริยา คือแม่ของครูพี่หนิง เป็นครูของ ผอ. ด้วย ครูจริยาจึงทำการสอบสอนมาโดยตลอด
โดยครูพี่หนิงได้บอกว่า “ มะเร็งพูดเบาๆก็เจ็บพูดเบาๆก็จุก เพราะทุกคนไม่อยากเป็นโรคอื่นๆก็เช่นกัน แต่ในเมื่อเราเป็นแล้วเราต้องรับมันให้ได้ ต้องเผชิญและต่อสู้กับมันรักษาตามกระบวนการของหมอที่วางเอาไว้ ทั้งคีโมบำบัดและการฉายแสง และทานยาต้านนานประมาณ 5 ปี กำลังใจสำคัญที่สุด ทั้งจากตนเอง และคนรอบข้าง ซึ่งตนเองสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ มาทำงานได้อย่างมีความสุข ไม่คิดเลยว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง เนื่องจากได้กำลังใจจากครอบครัว ผู้บริหาร เพื่อนร่วมงานและคนรอบข้าง ”
ครูพนิดา หรือครูพี่หนิง ปัจจุบันได้สวมวิกผม และกลับมาสอนนักเรียนเหมือนเดิม พร้อมรอทำการฉายแสงรักษาอาการป่วยมะเร็งในระยะที่ 2-3 แต่คุณแม่ก็ยังคงทำหน้าที่สอนและเป็นพี่เลี้ยงลูก จนกว่าลูกจะหายป่วย ไม่โทษโชคชะตา ซึ่งเป็นการสอนโดยไม่มีค่าตอบแทนหรือค่าเหนื่อยแต่ประการใด และด้วยความที่คุณแม่จบวิชาเอกด้านการสอนเด็กเล็ก จึงสอนได้อย่างชำนาญ เนื่องจากมากประสบการณ์ และเคยสอนที่นี่มาก่อนจนกระทั่งเกษียณอายุราชการ