จากกรณีเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2560 จำเลยได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก ขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก และกระสุนปืนออโตเมติกอีกจำนวน 6 นัด และเสพยาเสพติด ให้โทษประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายซึ่งจำนวนและน้ำหนักเท่าใดไม่ปรากฏชัด โดยจำเลยยังต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานด้วย เหตุเกิดที่แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำคุก 1 ปี 18 เดือน และให้บวกโทษของศาลอาญาคดีทำร้ายร่างกายสาวคนสนิท อดีตภรรยาอีก 1 ปี 3 เดือน เป็นจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และให้นับโทษจำเลยต่อจากคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย ส่วนในชั้นศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นจำคุก 1 ปี 15 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี 3 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ของศาลอาญาเข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้ เป็นจำคุก 2 ปี 18 เดือน

ยกคำขอโจทก์ที่ให้นับโทษต่อจากโทษของจำเลย ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น -โดยนายเสกสรรค์ ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างฎีกา ตีราคาประกัน 600,000 บาท -ซึ่งศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องขออนุญาตฎีกาของจำเลยนั้น คดีนี้มีโทษไม่เกิน 2 ปี ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์จะไม่อนุญาต ให้ยื่นพิจารณาประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง

โดยที่ทนายความได้ยื่นคำร้อง 2 ส่วน คือ ฎีกาคำพิพากษาในคดีนี้ในประเด็นปัญหาข้อเท็จจริง และคำร้องขออนุญาตให้ยื่นฎีกา โดยยื่นต่อผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ และผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ที่นั่งพิจารณาและทำคำพิพากษา ซึ่งทั้งสองส่วนไม่อนุญาต เพราะเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ไม่ใช่ปัญหาข้อกฎหมาย จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ และไม่อนุญาตให้ยื่นฎีกา