เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



เจ้าหน้าที่รวบแรงงานเมียนมา กว่า 30 ราย ถูกนายหน้าทิ้งกลางป่า จ.กาญจนบุรี


28 มี.ค. 2564, 08:59



เจ้าหน้าที่รวบแรงงานเมียนมา กว่า 30 ราย ถูกนายหน้าทิ้งกลางป่า จ.กาญจนบุรี




<จากนโยบายของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9 กกล.สุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.สิทธิพร จุลปานะ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.กฤชัย ทองอยู่ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รักษาการ ผกก.สภ.สังขละบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พ.ต.อ.สุกิจ ก้องจตุศักดิ์ ผกก.ตชด.13 (ค่ายพระพุทธยอดฟ้า) พ.ต.อ.จักร ยังให้ผล ผกก.ตม.จ.กาญจนบุรี (บก.ตม.3) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

 

 

สนธิกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจจุดสกัด รวมทั้งลาดตระเวนเชิงคุณภาพเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิดในพื้นที่ 5 อำเภอ ที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมา ประกอบด้วย อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.ด่านมะขามเตี้ย โดยเฉพาะการลักลอบนำพาแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายในช่วงการแพร่ ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

 

 

และเคสแรกเมื่อวันนี้ 27 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์  เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทหารชุดหมวดลาดตระเวน(มว.ลว.)ที่ 3 ประจำจุดกรวดน้ำเกริ๊ก หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี  หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์  ได้รับแจ้งจากชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ว่า มีแรงงานชาวเมียนมาจำนวนมาก หลบซ่อนตัวอยู่ภายในป่าเพื่อรอการเคลื่อนย้ายอยู่ที่บริเวณ ซอย รร.ลาซาลสังขละบุรี

 

 

หลังรับแจ้งจึงได้สนธิกำลังเดินทางไปตามเส้นทางตามที่ได้รับแจ้ง เมื่อไปถึงบริเวณสวนส้มโอภายในซอย รร.ลาซาลสังขละบุรี พบมีแรงงานชาวเมียนมานอนพักหลบอยู่ที่กระท่อมสภาพเก่า เจ้าหน้าที่จึงทำการแสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจสอบพบว่ามีจำนวนทั้งหมด 14 คน เป็นชาย 8 คน หญิง 6 คน แยกเป็นสัญชาติเมียนมา เชื้อชาติมอญ 7 คน และเชื้อสายเมียนมา 7 คน

 

 

 

 

หลังจากจับกุมตัวเอาไว้ได้ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจวัดอาการไข้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 ผลการตรวจพบอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศา แต่เพื่อความไม่ประมาทเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวไปตรวจอาการไข้ที่ รพ.สังขละบุรี อีกครั้งหนึ่ง

 

จากการซักถามผู้ต้องหาได้ให้การว่าเดินทางมาจาก จ.เมาะละแหม่ง จ.ปะโค จ.ตะโถ จ.ตาบิวเซยัด ประเทศเมียนมา โดยก่อนหน้านี้แรงงานทั้งหมดได้ติดต่อนายหน้าที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ ทราบชื่อนายหน้าคือนายวี เป็นชาว จ.ละไม และได้นัดมารวมตัวกันที่ อ.พญาตองซู ตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 26 มี.ค.64 ที่ผ่านมา

 

จากนั้นเวลาประมาณ  19.00 น.ของวันเดียวกัน มีผู้นำพาเป็นชายวัยรุ่นชาวเมียนมา ไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน มาพบพร้อมกับนำพาเดินข้ามชายแดนเข้ามาฝั่งไทย โดยเดินเท้าเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติบริเวณเส้นทางรถไฟสายเก่าที่อยู่ติดกับวัดพิมละม่อม

 

จากนั้นเดินข้ามลำห้วยซองกาเรีย แล้วไปซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณดังกล่าว ส่วนผู้นำพาได้เดินทางกลับพร้อมกลับแจ้งให้กลุ่มแรงงานทราบว่า จะกลับมาพร้อมกับนำรถยนต์มารับเพื่อไปทำงานในพื้นที่จังหวัดชั้นใน โดยเป้าหมายการทำงานคือที่ กทม.จำนวน 6 คน สมุทรสาคร จำนวน 3 คน สุพรรณบุรี จำนวน 1 คน นครปฐม จำนวน 4 คน

 

โดย 1 ใน 14 แรงงานที่ถูกจับกุม รู้จักนายจ้างและสถานที่ที่จะไปทำงาน แต่แรงงานอีก จำนวน 13 คน ไม่รู้จักนายจ้างและสถานที่ทำงาน และที่สำคัญทั้ง 13 รายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องไปทำงานอะไร แต่จะต้องจ่ายเงินให้กับนายหน้าชาวเมียนมาด้วยกันเป็นเงินจำนวน  12,000 – 16.000 บาท เมื่อไปถึงที่ทำงานนายจ้างจะเป็นคนจ่ายให้

 

หลังจากกลุ่มแรงงานให้การยอมรับสารภาพเจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนที่จะส่งให้กับ ตม.ผลักดันกลับประเทศต่อไป

 

ล่าสุดเคส 2 รวบอีก 16 แรงงานชาวเมียนมา ขณะซ่อนตัวกลางป่า ส่วนผู้นำพาไหวตัวหลบหนีทัน สารภาพจ่ายค่าหัวให้นายหน้าคนชาติเดียวกัน  14,000-17,000 บาทต่อคน



 

เมื่อเวลา 18.30 น.วันนี้ 27 มี.ค.64 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เปิดเผยว่า  เจ้าหน้าที่หมวดลาดตระเวนที่ 3 ประจำจุดกรวดน้ำเกริ๊ก หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากทหารชุดปฏิบัติการข่าวในพื้นที่ว่า มีแรงงานต่างด้าวเป็นจำนวนมากหลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณป่าด้านข้างศูนย์เกษตรที่สูง ห่างจากถนนสาย 323 สังขละบุรี-ด่านเจดีย์สามองค์ ประมาณ 100 เมตร หลังจากรับแจ้งเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเดินทางไปตรวจสอบ

 

ไปถึงพบว่าแรงงานชาวเมียนมาหลบซ่อนตัวอยู่ใต้กอไผ่ขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังปิดล้อมพร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบผู้นำพาซึ่งเป็นชาวเมียนมา ใช้ความชำนาญเส้นทางวิ่งหลบหนีเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ก็ไม่สามารถจับกุมตัวได้

 

สำหรับแรงงานชาวเมียนมาที่จับกุมตัวเอาไว้ได้นั้นมีทั้งหมด จำนวน 16 คน เป็นชาย 10 คน หญิง 6 คน จากการตรวจวัดอาการไข้พบอุณหภูมิในร่างกายปกติติไม่เกิน 37.5 องศา แต่เพื่อความไม่ประมาทเจ้าหน้าที่จะส่งตัวไปตรวจอย่างละเอียดที่ รพ.สังขละบุรี จากนั้นจึงจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนที่จะส่งตัวให้กับ ตม.กาญจนบุรีเพื่อผลักดับกลับประเทศต่อไป

 


จากการสอบสวนกลุ่มแรงงานชาวเมียมาทราบว่า เดินทางมาจาก จ.เมาะละแหม่ง จ.พะอัน รวมทั้ง จ.ตาบิวเซยัด และ จ.มุด่ง  ประเทศเมียนมา ก่อนหน้านี้ทั้งหมดได้โทรศัพท์ติดต่อกับนายหน้าที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมาด้วยกันเพื่อให้นำพาข้ามเข้ามาทำงานในพื้นที่ประเทศไทย

 

 

และได้มีการนัดหมายรวมตัวกันที่กิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา ที่มีแนวเขตติดกับด่านเจดีย์สามองค์ หมู่บ้านพระเจดีย์สามองค์ ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยได้มารวมตัวกันตั้งแต่เวลาประมาณ 06.00 น.ต่อมาเวลา 10.00 น.ของวันเดียวกันคือวันนี้ ( 27 มี.ค.)มีผู้นำพาเป็นวัยรุ่นผู้ชายชาวเมียนมา เชื้อชาติมอญ ไม่ทราบชื่อ จำนวน 2 คน มาพบที่จุดรวมตัวแล้วนำพาเดินลัดเลาะไปตามชายป่าและหุบเขาแล้วข้ามลำน้ำซองกาเรียเข้ามาหลบอยู่ฝั่งไทยที่บริเวณ ป่าข้างศูนย์เกษตรที่สูง เพื่อรอให้คนขับรถยนต์มารับ เพื่อไปทำงานในพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 5 คน สมุทรสาคร จำนวน 4 คน สระบุรี จำนวน 1 คน ราชบุรี จำนวน 2 คน สมุทรปราการ จำนวน 1 คน และ กทม.จำนวน 3 คน

 

โดย 2 ใน 14 แรงงานที่ถูกจับกุมตัว และจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.ชลบุรี นั้น จะไปทำงานกับนายจ้างที่มีอาชีพเพาะพันธุ์ไส้เดือนที่อยู่ อ.ศรีราชา ส่วนแรงงานอีก 14 คน ไม่ทราบชื่อนายจ้างและยังไม่ทราบว่าจะไปทำงานอะไร แต่ทุกคนจะต้องจ่ายค่าหัวให้กับหน้าหน้าชาติเดียวกันเป็นเงิน จำนวน 14,000-17,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทาง โดยนายจ้างของแต่ละคนจะเป็นคนจ่ายให้เมื่อแรงงานเดินทางไปถึงที่ทำงาน แต่ทั้งหมดก็ต้องมาถูกจับกุมตัวเสียก่อน และสาเหตุที่แรงงานทะลักเข้ามามากช่วงนี้แม้ว่าค่าตัวจะมีราคาสูงมาก แต่แรงงานก็ยังเข้ามาเพื่อไปทำงานยังจังหวัดต่างๆ มาจากจากในประเทศเกิดปัญหาการยึดอำนาจ รวมถึงโรงโควิด 19 ระบาด อาจทำให้แรงงานต้องดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอดในดาบหน้าหากไม่ถูกจับก็รอดไปแต่เมื่อถูกจับก็ต้องผลักดันส่งกลับออกไป เพราะป้องกันเชื้อโควิด 19 ที่อาจจะมากลับแรงงานเหล่านี้ได้

 

 






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.