จากกรณีเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่  1 เมษายน 2564 ได้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนองนานกว่า 30 นาที ในพื้นที่บ้านคำพอก หมู่ 9  ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม  และพื้นที่ ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม ส่งผลกระทบให้ บ้านเรือนของชาวบ้าน ถูกพายุพัดหลังคาบ้านพังเสียหายหลายหลังคาเรือน อีกทั้งยังมีวัวของเกษตรกร 1 ตัว มูลค่าเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 30,000 บาท ถูกต้นไม้ใหญ่หักโค่นทับตาย เบื้องต้นทางป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ได้ระดมเจ้าหน้าที่ ร่วมกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจให้การช่วยเหลือ เร่งซ่อมแซมฟื้นฟู  พร้อมแจ้งเตือนให้ประชาชน ในพื้นที่เสี่ยงติดกับแม่น้ำโขง รวมถึงพื้นที่ 12 อำเภอ เฝ้าระวัง ตรวจสอบอาคารบ้านเรือนให้มีความมั่นคงแข็งแรง เนื่องจากในช่วงนี้อากาศแปรปรวน มีความเสี่ยงต่อการเกิดพายุถล่มซ้ำอีก

 ล่าสุด วันที่ 2 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวไปพบกับนายประจักษ์ โพธิสาร อายุ 56 ปี และ นางใสส่อง โพธิสาร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 213 หมู่ 9 บ้านคำพอก ต.หนองญาติ เผยนาทีระทึกขณะที่เกิดพายุว่ามีลมพัดมา 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเหมือนบอกเตือนให้หาที่หลบ จึงชวนนางใสส่องผู้เป็นเมียไปหลบอยู่ที่คอกวัว ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 300 เมตร จากนั้นลมก็มาเป็นครั้งที่สองและมีความรุนแรงกว่าครั้งแรก ตนกับเมียจึงซุกตัวอยู่ในกองฟาง หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีทั้งลมและฝนพัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง ลูกเห็บตกเกลื่อนกลาดทั่วบริเวณ และได้ยินเสียงดังโครม แต่ขณะนั้นไม่กล้าโผล่หน้าออกไปดู ซึ่งทั้งลมและฝนตกอยู่ราว 1 ชั่วโมง ทุกอย่างก็คืนสู่สภาพปกติ ตนและเมียได้ออกจากที่หลบภัยมาสำรวจความเสียหาย พบว่าหลังคาบ้านด้านหลังและโรงเก็บของถูกพายุยกหายออกไปทั้งแถบ ต้นไม้หน้าบ้านหักโค่น แต่ถือว่ายังโชคดีที่ตนกับเมียไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

นอกจากนี้ มีบ้านของนางภณิดา โพธิสาร อายุ 47 ปี ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของนายประจักษ์ ก็ถูกพายุลูกเห็บกระหน่ำทำให้เล้าไก่ถูกลมพัดพังยับเยิน โดยหลังคาเล้าไก่ปลิวไปถูกบ้านข้างเคียงอีกด้วย อีกทั้งบริเวณที่จอดรถมีรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส ของลูกสาวจอดอยู่ ถูกลมพัดจนยุบลงมาทับรถได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน ส่วนมูลค่าความเสียหาย รวมแล้วทั้ง 2 พื้นที่ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท