ผู้คุม- นักโทษ จ.นราธิวาส ติดเชื้อ 112 ราย สั่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดเร่งด่วน
4 เม.ย. 2564, 18:18
(4 เมษายน 2564) ที่นราธิวาส ศูนย์ EOC กรณีโรคโควิด-19 (Emergency Operation Center, EOC) โดยนายไพโรจน์ จริตงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ลงนามในวิทยุสื่อสารด่วนที่สุดถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมาว่า ด้วยจังหวัดนราธิวาสได้รับแจ้งจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ว่าเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เวลา 20.00 น.ได้รับรายงานสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส จึงได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยได้ดำเนินการสอบสวนโรค พบว่าเรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีผู้ต้องขังรวม 2,334 ราย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 97 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้สัมผัสเชื้อ 791 ราย จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างตรวจหาเชื้อแล้ว 214 ราย พบติดเชื้อ 112 ราย แยกเป็น เจ้าหน้าที่เรือนจำ 23 ราย นักโทษชาย 87 ราย นักโทษหญิง 1 ราย และพยาบาลเรือนจำ 1 ราย ทั้งนี้จังหวัดนราธิวาสได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรค โดยติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทุกราย เพื่อตรวจคัดกรองและนำเข้ากระบวนการดูแลตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข และมีการเปิดโรงพยาบาลสนามในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อรองรับผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมด โดยผู้ที่มีอาการรุนแรง จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ต่อไป
ในการนี้ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ จึงของดให้บริการรับผู้ป่วย Refer ส่งเข้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เป็นเวลา 48 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ขณะเดียวกันทางโรงพยาบาลขอความร่วมมือโรงพยาบาลแม่ข่ายและโรงพยาบาลข้างเคียงช่วยรับการส่งต่อโดยตรง ณ โรงพยาบาลของท่านแต่ละโซน เพื่อลดการติดเชื้อของผู้ป่วยนอกเขต ไม่ให้กระจายออกไปนอกพื้นที่ ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ยังรับให้คำปรึกษาใน First AIDS เช่นเดิม
ซึ่งแผนการส่งต่อภายใน 48 ชั่วโมง จะพิจารณาดังนี้
1.โรงพยาบาลยะลา ช่วยรับโซนโรงพยาบาลรือเสาะและโรงพยาบาลศรีสาคร
2.โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก ช่วยรับโซนโรงพยาบาลตากใบ โรงพยาบาลระแงะ โรงพยาบาลจะแนะและโรงพยาบาลเจาะไอร้อง
3.โรงพยาบาลปัตตานี ช่วยรับโซนโรงพยาบาลยี่งอ โรงพยาบาลบาเจาะและโรงพยาบาลไม้แก่น โดยให้ประสานโรงพยาบาลปลายทางก่อนเข้ารับบริการทุกครั้ง
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ระลอก 3 เป็นเพศชาย อายุ 25 ปี สัญชาติไทย เดินทางเข้าไปที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ และผลตรวจหาเชื้อเป็นบวก ขณะนี้นอนรักษาตัวที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์
ทางด้านเรือนจำจังหวัดนราธิวาส ได้รายงานสถานการณ์การติดเชื้อ COVID-19 ของเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง (2 เม.ย.64) ดังนี้
1.ตรวจพบผู้ต้องขังร่วมกิจกรรมการต่อต้านยาเสพติดที่ จ.สุราษฎร์ธานี ติดเชื้อโควิคจำนวน 4 ราย
โดยเรือนจํากลางสุราษฎร์ธานี แจ้งว่า ผลการตรวจผู้ต้องขังเรือนจำ จ.นราธิวาส ที่ไปร่วมกิจกรรม ทั้ง 4 คนเบื้องต้นผลเป็นบวก (ติดโควิด) เจ้าหน้าที่อีก 4 คน ผลเป็นลบ
2.การปฏิบัติเมื่อผู้ต้องขังดังกล่าวกลับมาที่เรือนจำแล้วจะรายงานให้สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสทราบเพื่อดำเนินการรักษาอาการตามความเห็นแพทย์ต่อไป แต่หากไม่ต้องส่งตัวไปนอนที่โรงพยาบาล จะให้กักตัวที่ห้องแยกโรคแดน 6 (แรกรับ) ในส่วนของเจ้าหน้าที่ แม้จะตรวจไม่พบในเบื้องต้น แต่ก็ถือว่าเป็นผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดมีความเสี่ยงสูง เมื่อกลับมาถึงเรือนจำ จะให้กักตัวที่บ้านพักเป็นเวลา 14 วัน ตามมาตรการที่กรมราชทัณฑ์และกระทรวงสาธารณสุขกำหนด
3.กำชับเจ้าหน้าที่ที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 14 ราย ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค COVID-19 โดยเคร่งครัด กล่าวคือ ขณะอยู่บ้านพักให้แยกห้องนอนกับบุคคลในบ้านให้เว้นระยะห่าง 1.5 ถึง 2 เมตร ไม่รับประทานอาหารร่วม สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะพบปะผู้คนทั้งในบ้านและนอกบ้าน
4.เจ้าหน้าที่สำนักงานควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ เข้าตรวจหาเชื้อโดยวิธีการ Swab จากผู้ต้องขังจำนวน 119 คน และเจ้าหน้าที่เรือนจำจำนวน 65 คน รวมเป็นจำนวน 184 คน
และในวันที่ 3 เม.ย.64 ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาสและเจ้าหน้าที่สำนักงานควบคุมโรคที่ 12 สงขลา ได้เข้าตรวจผู้ต้องขังกลุ่มเสี่ยงเพิ่มอีกทั้งแดน 5 (แดนที่พบผู้ต้องขังป่วย) และแดน 6
5.การประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ตามข้อ 4 เมื่อช่วงเย็น ได้กำหนดให้ทางเรือนจำจัดเตรียม สถานที่เป็นโรงพยาบาลสนาม จำนวน 1 แห่ง ซึ่งเรือนจำได้กำหนดให้แดน 2 (สถานพยาบาล) เป็นโรงพยาบาลสนาม กรณีมีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ซึ่งแดน 2 (พยาบาล) สามารถรองรับผู้ต้องขังได้ประมาณ 200 คน
6.กรณีมีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิดเกิน 200 คน ที่เเดน 2 (สถานพยาบาล) จะรองรับได้ เรือนจำได้กำหนดใช้แดน 6 (แรกรับ) เป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งจะรองรับผู้ต้องขังป่วยทั้งหมดได้ประมาณ 691 คน
อย่างไรก็ตามรายงานแจ้งว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากหลายหน่วยงานของ จ.นราธิวาส ทั้งจากสถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านยาเสพติดของ จ.นราธิวาส กำลังอยู่ระหว่างการรายงานตัวและแจ้ง Timeline รวมทั้งเข้าระบบการคัดกรองตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุข