"ชาวบ้านบางพราง" อ.กะปง ร้องเรียน ถนนสาธารณะถูกปิดตาย จนท. ลงพื้นที่ตรวจสอบ
9 ส.ค. 2562, 14:34
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายสมดาว โลหกิจ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดพังงา สาขากะปง นายสุวิทย์ ครุครรชิต รองอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพังงา (สาขาตะกั่วป่า) นายณฤพงษ์ มากดำ ช่างผู้ทำการรังวัด นายสุวิญณพัฒน์ ปรางน้อย นิติกร อบต.ท่านา นายศักรินทร์ ทองอ่อน ปลัดอำเภอกะปง นายปฏิวัติ ประกอบแสง กำนันตำบลท่านา นายวัชรพงษ์ อนันตมงคลกุล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านบางพราง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กะปง และกลุ่มชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไม่มีเส้นทางเข้าหมู่บ้านได้ลงพื้นที่บริเวณซอยช่องพลี หมู่ที่ 4 บ้านบางพราง ต.ท่านา อ.กะปง จ.พังงา หลังจากตัวแทนชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปถึงนายอำเภอกะปง อบต.ท่านา และอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดพังงา เพื่อช่วยแก้ปัญหาเส้นทางสาธารณะที่ถูกปิดกั้นมาเป็นเวลานานจนทำให้ชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ด้านในประมาณ 9 ครัวเรือน ได้รับความเดือดร้อนในการเข้าออกบ้าน โดยก่อนหน้านี้ทางชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกะปง ถึงปัญหาความเดือดร้อน ในการปิดถนน ซอยช่องพลี 1 โดยนำต้นไม้มาปลูกกลางถนน และเขียนอักษรข้อความปิดทับแผ่นป้ายชื่อซอยรวมถึงในบางครั้งได้มีการถืออาวุธมีดพร้าออกมาข่มขู่ห้ามมิให้ผู้ใช้เส้นทางขับรถยนต์วิ่งผ่านเข้าออกไปมาโดยอ้างว่าเส้นทางดังกล่าวเป็นถนนส่วนบุคคล
ซึ่งจากกรณีดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ร้องและผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เป็นจำนวนมาก โดยทางกลุ่มตัวแทนชาวบ้าน ขอให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลท่านา ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่หรือทางสาธารณะตามข้อ 5 และข้อ 6 เพลงระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ. ศ. 2553 ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
นายสุวิญณพัฒน์ ปรางน้อย นิติกร อบต.ท่านา กล่าวว่า จากที่มีกลุ่มชาวบ้านได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง อบต.ท่านา ถึงปัญหาความเดือดร้อนที่เส้นทางสาธารณะถูกปิดกั้น ซึ่งทาง อบต.ท่านา ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบพร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รถวิ่งได้ระยะความกว้างประมาณ 4 เมตร และหลังจากนั้นก็มีการปิดเส้นทางอีก จนมีชาวบ้านได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกะปงอีกว่า มีการปิดถนนจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ซึ่งทาง อบต.ท่านา จึงได้ทำเรื่องไปยังศูนย์อัยการคุ้มครองสิทธิ์จังหวัดพังงา
ซึ่งในวันนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางลงมาตรวจสอบพร้อมกันและเพื่อหาแนวทางข้อสรุป ซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นที่ดิน นส.3ก ที่ได้ระบุว่าระหว่างกลางเป็นที่ดินสาธารณะ แต่ไม่ได้ระบุความกว้างของเส้นทางเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบแนวเขตที่ดินที่ นายประเสริฐ สุขเกษม ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน กล่าวว่า ได้มีการปิดถนน เส้นทาง สาธารณะที่เคยเป็นเส้นทางรถวิ่งเข้าออกประมาณ 50 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งครั้งก่อนเคยสอบแนวเขตพบว่าถนนเส้นดังกล่าวมีความกว้างประมาณ 9 เมตร แต่ทางเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ยอมให้รถของชาวบ้านที่อยู่ด้านในวิ่งผ่าน นำซ้ำยังเอาต้นไม้มาวางอยู่บนถนน ห้ามไม่ให้รถวิ่งผ่าน และบางครั้งชาวบ้านเคยถูกข่มขู่โดยการใช้มีดพร้า จึงทำให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านในไม่กล้าที่จะวิ่งรถผ่านและต้องไปหาเส้นทางอื่นวิ่งแทน จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ลงมาในครั้งนี้ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเส้นทางสาธารณะมีความกว้างยาวเท่าไหร่ ที่มีทางเจ้าหน้าที่ อบต.ท่านา เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง อย่างไรก็ตามพบว่าบริเวณแผ่นป้ายซอยที่ทาง อบต.ท้านา ไปติดตั้งที่ซอยกลับพบว่ามีการนำป้ายระบุว่าถนนส่วนบุคคลที่ทำจากปูนมาปิดขวางกั้นไว้ด้วยจึงทำให้ทางชาวบ้านไม่เห็นถึงความชัดเจนที่ทางเจ้าหน้าที่จะมีการแก้ไขอย่างจริงจัง ซึ่งถ้าทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นไม่ทำอะไรตนเองจะร้องเรียนไปถึงทางข้างบนให้ลงมาช่วยแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน
นายวัชรพงษ์ อนันตมงคลกุล ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 4 บ้านบางพราง กล่าวว่า จากที่มีชาวบ้านร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอกะปง ก็ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการตรวจสอบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นถนนสาธารณะมีความกว้างความยาวกี่เมตร ซึ่งก่อนหน้านี้ทางชาวบ้านเคยใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวสัญจรไปมาแต่เมื่อมาช่วงหลังๆ ก็ไม่ได้ใช้เนื่องจากทางเจ้าของที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่ให้ชาวบ้านผ่านโดยได้นำต้นไม้มาปลูกปิดกั้นเส้นทาง จึงทำให้ชาวบ้านต้องวิ่งไปใช้เส้นทางอีกเส้นทางอื่นแทน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าแม้ว่าทางเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบและรางวัดที่ดินแล้วแต่ยังพบว่าบริเวณป้ายซอยช่องพลี ยังมีการนำป้ายที่ทำขึ้นเองระบบว่าถนนส่วนบุคคลมาติดตั้งไว้ที่ป้ายของ อบต.ท่านา ไม่ได้นำออกไป และต้นไม้ที่วางปิดกั้นบนถนนก็ยังอยู่จึงทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนไม่กล้าที่จะใช้เส้นทางดังกล่าวอีก ทางชาวบ้านจึงฝากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเปิดเส้นทางให้รถวิ่งไปมาได้ตามปกติโดยด่วน