วันที่ 12 เม.ย. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง ได้รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่งอาละวาด อยู่ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ตำบลบ้านแห อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง หลังได้รับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัย จังหวัดอ่างทอง เข้าไปตรวจสอบ พบชายวัยรุ่น ไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ กำลังคลุ้มคลั่งอาละวาดอยู่ในบ้านของเพื่อนบ้าน จึงได้ทำการเจรจาและช่วยกันควบตัวไว้  เพื่อให้อาการสงบและเย็นลง ทราบชื่อต่อมาว่า นายดลรวี อายุ 30 ปี หรือ ติ๊ป  จาการสอบถามเบื้องต้น ทราบว่ามีปัญหาทำร้ายกันภายในครอบครัว  และได้คลุ้มคลั่งออกมาอาละวาดในบ้านเพื่อนบ้าน  ก่อนจะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ  

หลังเข้าทำการเข้าควบคุมตัว  พร้อมนำใส่กุญแจมือ เพื่อนำตัวส่ง สภ.เมืองอ่างทอง แต่ขณะที่จะนำตัวขึ้นรถยนต์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดเข้ามาสมทบ  ทาง นายติ๊ป  ได้โวยวาย และดิ้นรนอีกครั้ง  จะทำการสลัดกุญแจมือออก ทางเจ้าหน้าที่หน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงได้ช่วยกันจับกันชุลมุน  ส่วน นายติ๊ป  ก็ดิ้นรนขัดขืนโวยวายตลอดเวลา  โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที  จึงจะทำการควบคุมคุมตัวได้  พร้อมใช้ผ้าดิบที่ใช้ห่อศพของกู้ภัย  นำมาฉีกทำการมัดมือและเท้า  พร้อมนำตัวขึ้นท้ายรถยนต์  เพื่อนำตัวส่ง สภ.เมืองอ่างทอง  ทางนายติ๊ป ดิ้นรนอยู่สักครู่  ได้สงบลงแน่นิ่งไม่มีสติและหยุดหายใจ ทางเจ้าหน้าที่จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลอ่างทอง  เพื่อให้ทางแพทย์ พยาบาลทำการรักษาและตรวจอาการให้การช่วยเหลือฟื้นคืนชีพ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น

 

 

ความคืบหน้าล่าสุด  ทางญาติได้เดินทางไปรับศพ นาย ติ๊ป  จากสถาบันนิติเวชวิทยา  โรงพยาบาลตำรวจ  เพื่อนำมาตั้งศพบำเพ็ญกุศลตามประเพณีของทางศาสนา  และทำพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. ของวันนี้  ที่วัดสี่ร้อย  ตำบลบางจัก  อำเภอวิเศษชัยชาญ  จังหวัดอ่างทอง  ซึ่งจะทำการฌาปนกิจในวันพฤหัสบดี 15 เม.ย. 64  โดยผลชันสูตรเบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นว่า  สาเหตุของการเสียชีวิตเพราะระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว  ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดต้องรอผลอีก 45 วัน  หลังจากทราบผลชันสูตรเบื้องต้น นาง พรสม อายุ 57 ปี  แม่ของ นาย ติ๊ป  ออกมาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า  ตนเองอยากจะออกมาขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการระงับเหตุเกินกว่าเหตุ จนทำให้ลูกชายต้องเสียชีวิต โดยทางตนเองและครอบครัวจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทั้งที่ตนเองแจ้งให้มาระงับเหตุลูกชายอาละวาด  และลูกชายก็ไม่มีอาวุธ  เพียงแค่อยากให้นำตัวไปโรงพักเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ทำไมทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำถึงขนาดนี้  ถ้าเป็นลูกหลานของเจ้าหน้าที่บ้างจะรู้สึกอย่างไร และที่เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข่าวว่าทำตามทฤษฎีของต่างประเทศ  ตนเองก็อยากจะถามว่าในต่างประเทศที่มีข่าวตำรวจเข้าระงับเหตุจนหัวใจวายตายก็เยอะ  ซึ่งลูกชายของตนเองมีบาดแผลพกช้ำทั้งร่างกาย  ตั้งแต่เกิดเรื่องตนเองยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาพูดคุย  และบอกว่าจะนำภาพจากกล้องของตำรวจไปให้ทางผู้กำกับดูก็ยังไม่นำไปให้ดู หากไม่ได้รับความเป็นธรรม  ตนเองและครอบครัวก็จะนำเรื่องเข้าไปร้องเรียนในกรุงเทพฯ  

ส่วนทางด้าน นางสาวภัคนิจ อายุ 30 ปี ภรรยา เปิดเผยว่า  ตนเองยังรับไม่ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  แค่ช่วงเวลาไม่นานเพียง 5 – 10 นาที  พอมารู้อีกทีสามีหยุดหายใจแล้ว ในตอนแรกสามีตนเองก็ยอมให้ควบคุมตัว แต่พอมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาเสริม ไปกดและขึ้นไปนั่งทับอีกก็เกิดชุลมุนสู้กันขึ้นมาอีก ต่อจากนั้นมาตนเองก็ไม่เห็นเหตุการณ์ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตนเองไปทำการค้นรถยนต์ และบอกให้ตนเองตามไปที่โรงพยาบาล มารู้อีกทีสามีของตนเองหยุดหายใจต้องปั๊มหัวใจแล้ว หลังจากสามีเสียชีวิต ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะสามีเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว โดยเป็นพ่อครัวของร้านข้าวต้มของตนเอง  และยังมีลูกสาวอีก 2 คน ที่ยังเล็ก  คนโตอายุ 7 ขวบ และคนเล็กอายุ 2 ขวบเศษ  ที่ต้องดูแล  และแม่ของสามี ตนเองอยากได้คำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้สามีต้องเสียชีวิต