ศรีสะเกษ ติดเชื้อโควิดพุ่งพรวด 38 รายแล้ว ผู้ว่ามั่นใจจะฝ่าสถานการณ์นี้ไปได้อย่างรวดเร็ว
17 เม.ย. 2564, 18:23
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมสระกำแพงใหญ่ ชั้น 4 ศาลากลาง จ.ศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ ได้เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ศรีสะเกษ ครั้งที่ 10 /2564 ซึ่ง นพ.ทนง วีระแสงพงษ์ สาธารณสุข จ.ศรีสะเกษ และคณะได้รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยผู้ติดเชื้อโควิด 19 ระลอก 3 จ.ศรีสะเกษ มีผู้ป่วยระหว่างวันที่ 1 - 16 เม.ย.64 จำนวน 30 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ในวันที่ 17 เม.ย. 64 จำนวน 8 ราย รวมเป็นมีผู้ป่วยสะสม จำนวน 38 ราย โดยรายที่ 31 เพศชาย อายุ 45 ปี อ.เมืองศรีสะกษ พนักงานขับรถ รับผู้ติดเชื้อรายที่ 18 รายที่ 32 เพศหญิง อายุ 29 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตร ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 22 รายที่ 33 เพศชาย อายุ 24 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตรผู้ป่วยยืนยันรายที่ 29 (ไปงานแต่งงาน) รายที่ 34 เพศชาย อายุ 21 ปี อ.เมืองศรีสะเกษ บุตร ผู้ป่วยยืนยันรายที่ 30 (ไปงานแต่งงาน) รายที่ 35 เพศชาย อายุ 21 ปี อ.เมือง อาชีพ ชกมวย ที่กรุงเทพฯ รายที่ 36 เพศชาย อายุ 24 ปี เดินทางไปกรุงเทพฯ สัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายที่ 30 รายที่ 37 เพศชาย อายุ 19 ปี อ.กันทรลักษ์ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ รายที่ 38 เพศหญิง อายุ 29 ปี อ.อุทุมพรพิสัย เดินทางไปกรุงเทพฯ ซึ่งเขตพื้นที่ที่เป็นพื้นที่สีแดงคือ อ.เมืองศรีสะเกษ อ.กันทรารมย์และ อ.วังหิน โดยมี นายสำรวย เกษกุล รอง ผวจ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นายนพ พงษ์ผลาดิสัย ปลัด จ.ศรีสะเกษ นายบุญประสงค์ นวลสายย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ศรีสะเกษ หัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาเข้าร่วมประชุม
นายวัฒนา พุฒิชาติ ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า การที่ยอดผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ ตนเคยกล่าวเอาไว้ว่าทุกคนต้องเป็นผู้เล่นด้วยกันทั้งหมดเหมือนกับฟุตบอล ทุกคนมีบทบาทอย่างยิ่งคนในสนามฟุตบอล ก็เหมือนกับพี่น้องประชาชน ถ้าพี่น้องประชาชนเล่นฟุตบอลในสนามไม่วิ่งไม่กระตือรือร้นไม่ช่วยกัน โอกาสที่จะทำประตูและมีชัยชนะก็จะเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประพฤติปฏิบัติต่อกันในการดูแลคนที่เข้ามาในพื้นที่ คนในครอบครัวจะต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจจะไม่ใช่คนธรรมดาอาจจะมีการเจ็บการป่วยการติดเชื้อมาเราไม่ได้คิดว่าต้องการทำให้หวาดระแวง แต่ว่าอยากให้ตระหนักว่าถ้าสมมุติว่าทุกคนมีสมมุติฐานในการที่จะต้องการให้ปลอดภัยร่วมกันต่างคนต่างกลัวกันไว้ก่อน ในครอบครัวทานข้าวอาจจะแยกกันทานข้าว พูดคุยกันให้น้อยลง ใส่หน้ากากให้มากขึ้นและงดลดการที่จะไปร่วมกับกิจกรรมกับคนอื่นและปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข คิดว่าต้นทางตรงนี้จะสามารถสกัดยับยั้งได้ดี
ในส่วนของการเตรียมการแนวหลังก็เป็นสิ่งที่คิดว่าเรามีความพร้อมเรามีแผนหนึ่งแผนสองสถานที่หนึ่งสถานที่สองเตรียมไว้แล้ว แต่ก็ไม่อยากให้ถึงขนาดนั้นไม่ต้องการให้คนศรีสะเกษเจ็บไข้ได้ป่วย เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่มีเฉพาะทีมหมอทีมพยาบาล ทีมตำรวจทีมปกครอง ประชาชนก็จะต้องเป็นทีมหนึ่งเดียวกันคือเป็นทีมศรีสะเกษที่จะต้องร่วมด้วยช่วยกันเมื่อต้นทางไม่เกิดขึ้นมาโอกาสที่จะเพิ่มขยายก็ลดน้อยลง แต่สิ่งหนึ่งก็คือเราอย่าไปว่ากันใครติดแล้วติดมา ติดมาจากไหนบอกไปไหนมาบ้าง บอกที่หมอพยาบาลจะเข้าสอบสวนเส้นทางและไทม์ไลน์ต่างๆ ให้เร็วที่สุด และเราก็จะสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะฉะนั้นเราจะต้องเป็นทีมเดียวกันช่วยกันตนคิดว่าเราจะฝ่าสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างรวดเร็วและราบรื่น