เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



นครพนม ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 9 ยอดผู้ป่วยทะลุ 52 ราย


20 เม.ย. 2564, 19:06



นครพนม ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 9 ยอดผู้ป่วยทะลุ 52 ราย




วันที่ 20 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เวลา 15.00 น. นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อฯ พร้อมด้วย นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขฯ และ นพ.สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผอ.รพ.นครพนม ร่วมกันแถลงข่าวที่ห้องประชุมร่มฉัตร ชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เกี่ยวกับสถานการณ์ผู้ป่วยโควิดในพื้นที่จังหวัดนครพนม ซึ่งยังคงติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีรายงานจากสาธารณสุขจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 9 ราย โดยแยกออกเป็นชาย 4 หญิง 5 อายุสูงสุด 55 ปี ต่ำสูง 25 ปี เป็นเพศหญิงทั้งคู่ ทำให้ขณะนี้จังหวัดนครพนม มีผู้ป่วยสะสม 52 ราย ส่วนใหญ่มาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงในพื้นที่

ผวจ.นครพนม กล่าวว่า ยอดของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นนี้นั้น เป็นผลการตรวจค้นหาเชื้อเชิงรุกของทีมสาธารณสุขไล่เช็คไทม์ไลน์ผู้ป่วยยืนยันผล ส่งให้ทีมแพทย์เดินทางไปถึงบ้านนำตัวมาตรวจ และในจำนวน 9 ราย ที่ตรวจพบนี้พบว่ามีเพียง 2 ราย ที่เป็นคลัสเตอร์จากสถานบันเทิงในพื้นที่ เมื่อคลัสเตอร์สถานบันเทิงผ่านไป ยังเหลือกลุ่มก้อนหนึ่งที่เดินทางกลับจากเที่ยวสงกรานต์ต่างจังหวัด และนักศึกษาที่ต้องกลับเข้าเรียนตามปกติ ทีมแพทย์ได้เตรียมแผนตรวจเชิงรุกกลุ่มนี้ไว้เช่นกัน จึงอยากให้กลุ่มดังกล่าวเข้าขอรับการตรวจค้นหาเชื้อ เพื่อเป็นการป้องการแพร่กระจายไปสู่คนในครอบครัว



นพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ สสจ.นครพนม ได้สรุปภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคโควิดระลอกใหม่สายพันธุ์อังกฤษ ว่า ในจำนวน 52 ราย เป็นการตรวจพบจาก 1.กลุ่มเสี่ยงสถานบันเทิง 27 ราย แบ่งเป็นจากการตรวจพนักงานและนักเที่ยว จำนวน 22 ราย และจากการค้นหาเชิงรุก (Active Case Finding) 1,400 ราย ที่ใช้ศาลายงใจยุทธเป็นจุดคัดกรอง โดยวันที่ 19 เมษายนฯพบ 3 ราย มาวันนี้ ( 20 เม.ย. ) พบเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย 2.มาจากกลุ่มเสี่ยงสัมผัสฯ 4 ราย  3.จากการคัดกรองการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง 17 ราย ได้แก่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ 10 ราย สมุทรปราการ 4 ราย นนทบุรี 2 ราย ปทุมธานี 1 ราย และ 4.มาจากผู้ป่วยสถานบันเทิงทองหล่อ 4 ราย จะเห็นได้ว่าคลัสเตอร์สถานบันเทิงในพื้นที่มีจำนวนผู้ป่วยลดลง

นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.นครพนม จึงได้มีมาตรการหลักในการป้องกันการแพร่ระบาดโรคโควิด โดยผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด 18 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบฯ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต นครราชสีมา นนทบุรี สงขลา ตาก อุดรฯ สุพรรณบุรี สระแก้ว ระยอง และขอนแก่น เมื่อเข้ามาในพื้นที่จังหวัดนครพนม ต้องมีผลตรวจโควิดจากต้นทางผลเป็นลบ และต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน 14 วันทุกราย ขณะที่อยู่ในพื้นที่ต้องบันทึกข้อมูลผ่าน Application NPM-COVID-19 และไทยชนะ พร้อมไปรายงานตัวกับผู้นำชุมชน อสม.ในพื้นที่ หรือไปที่โรงพยาบาลโดยตรงและเร็วที่สุด ทุกคนจะได้รับการสอบสวนและตรวจ Rapid Antigen โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ ตรวจสอบผลการตรวจและรับใบกักตัว 14 วัน (กรณีมีผล PCR) ภายใน 72 ชั่วโมง เป็นลบ ไม่ต้องกักตัว) ส่วนผู้เดินทางมาจาก 59 จังหวัดที่เหลือ ต้องปฏิบัติตามมาตรการ: DMHTT: คือ อยู่ห่างไว้(Distancing) ใส่แมสก์กัน (Mask Wearing) หมั่นล้างมือ (Hand Washing) ตรวจให้ไว (Testing) และใช้ Application ไทยชนะ หรือ NPM-COVID-19 เป็นต้น

ด้าน นพ.สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม เปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยโควิดรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขณะนี้มี 30 ราย มีเพียง 1 ราย อายุ 45 ปีเพศชายที่มีอาการหนัก เนื่องจากเป็นมีน้ำหนักตัวเยอะ ประกอบกับมีโรคประจำตัว เช่น ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน

นอกจากนี้มีรายงานว่าโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามในการรับผู้ป่วยโควิด ได้มอบอาคารหลังหนึ่งให้กับสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โดยทางสาธารณสุขจังหวัดนครพนมได้นำอุปกรณ์ทางการแพทย์พร้อมบุคลากรทีมแพทย์ เข้าปฏิบัติหน้าที่ประจำโรงพยาบาลสนามดังกล่าวแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า การตั้งจุดคัดกรองค้นหาเชื้อแบบเชิงรุกของสาธารณสุขจังหวัดนครพนม โดยใช้ศาลายงใจยุทธเป็นจุดคัดกรองนั้น ตั้งแต่วันที่ 17-19 เมษายน พบว่าวันที่ 17 เมษายนฯคัดกรองได้ 500 ราย ตรวจเจอเชื้อจำนวน 3 ราย วันที่ 18 เมษายน คัดกรองได้ 900 ราย พบเชื้อเพิ่มอีก 2 ราย เป็นคลัสเตอร์จากสสถานบันเทิงในพื้นที่ ส่วนวันที่ 19 เมษายน คัดกรองไป 350 ราย รอฟังผลตรวจในวันที่ 21 เมษายนฯนี้ สสจ.คาดการณ์ว่าไม่เกินภายในสัปดาห์นี้ตัวเลขผู้ป่วยจะลดลง เพราะมีการบล็อกผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันผลครบทุกรายแล้ว

 







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.