จากสถานการณ์”ภัยแล้ง” ในปีนี้ 2562 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในเขื่อนหลักๆหลายแห่ง แห้งขอด ไม่สามารถที่จะปล่อยน้ำจากเขื่อนให้เกษตรกร ทำไร่ ทำนา ได้เหมือนปีก่อนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคกลาง และเขตปริมณฑล ที่เคยใช้น้ำจาก”เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” อุปโภค บริโภค และทำการเกษตรตอลดมา แต่ในปีนี้ 2562 “ภัยแล้ง”ยาวนานกว่าทุกปีไม่มีฝนตกบริเวณเหนือเขื่อนเป็นระยะเวลานานหลายเดือนมาแล้ว ทำให้ปริมาณภายในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนแห้งขอด จนเห็นซากปรักหักพังโบสถ์และวัดร้างโผล่ให้เห็นตามข่าวที่สื่อต่างๆนำเสนอ จ.สระบุรี มีแม่น้ำป่าสักไหลผ่าน และได้อาศัยน้ำจาก”เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์” ระบายลงมาหล่อเลี้ยงใช้ทำการเกษตร ให้ประชาชนอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้ผลิต”น้ำประปา” จากภัยแล้วดังกล่าว ทำให้สภาพน้ำในแม่น้ำป่าสักในปีนี้ลดลงต่ำกว่าปกติ หลายแห่งมีสภาพติ้นเขิน ประชาชนต่างวิพากษ์วิจารณ์และวิตกกังวลกันมากว่า ปีนี้ชาวเมืองสระบุรี ในเขตเทศบาลจะไม่มีน้ำประปาใช้อุปโภคบริโภคกันเป็นแน่

วันนี้ ( 10 ส.ค.62) ดร.ภาณุพงศ์ ทิพยเศวต นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี นำผู้สื่อข่าว หลายแขนงใน จ.สระบุรีเข้าชมกระบวนการผลิตน้ำประปาของเทศบาลเมืองสระบุรี ที่สำนักการประปาฯ ถนนพิชัยรณรงค์สงคราม (สะพานดำ) เขตเทศบาลเมืองสระบุรี พร้อมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว

ดร.ภาณุพงศ์ ทิพยเศวต นายกเทศมนตรีเมืองสระบุรี เปิดเผยว่า จากสภาววิกฤติจากภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสัก ที่เทศบาลเมืองสระบุรี ใช้ผลิตน้ำประปาให้บริการแก่ พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระบุรีทั้ง 29 ชุมชน รวมประชากรกว่า 60,000 คน (ไม่รวมประชากรแฝง) ลดต่ำกว่าตลิ่งมากกว่าปกติ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่อย่างไรก็ตาม คณะผู้บริหารเทศบาลเมืองสระบุรีได้มีนโยบายเตรียมความพร้อมไว้แก้ไขปัญหาไว้แล้ว โดยจัดสร้างแพลอยน้ำที่จะสามารถเคลื่อนย้ายหัวสูบขึ้นลงไปสูบน้ำจากบริเวณกลางแม่น้ำนำน้ำขึ้นมาสู่กระบวนการผลิตได้ตามปกติ จากสภาพความลึกของแม่น้ำราว 2 เมตร และปริมาณที่คงอยู่ในแม่น้ำป่าสักในขณะนี้ ตนขอยืนยันและให้ความมั่นใจแก่ พ่อ-แม่พี่น้องชาวสระบุรีได้ว่าน้ำประปาในเขตเทศบาลจะ”ไม่ขาดแน่นอน” แม้ฝนจะยังไม่ตกอีก 2 -3 สัปดาห์ หรือ 1 เดือนก็ตาม เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องประชาชนในเขตเทศบาลเมืองสระบุรีสบายใจได้