ฉบับเต็ม! นายกฯ แถลงแผนบริหารสถานการณ์โควิด-19 และการจัดหาวัคซีน (คลิป)
23 เม.ย. 2564, 21:34
วันนี้ ( 23 เม.ย.64 ) เมื่อเวลา 21.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ เรื่องแผนบริหารสถานการณ์โควิด-19 การจัดหาวัคซีน และความพร้อมการดูแลรักษาผู้ป่วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ทั้งการควบคุมโรค การจัดหาและฉีดวัคซีน การสำรองและกระจายยา การจัดหาเตียงรองรับผู้ป่วย มาตรการเยียวยาประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมให้คำมั่นว่าจะทำทุกทางเพื่อฝ่าวิกฤต ด้วยความร่วมมือของทุกฝ่าย
พลเอกประยุทธ์ เริ่มกล่าวว่า พี่น้องประชาชนทุกท่านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ในวันนี้ วันนี้มีอัตราการติดเชื้อทั่วโลกประมาณ 800,000 คน และยังมีแนวโน้มอัตราที่สูง องค์การอนามัยโลกเตือนว่าจะเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกอีกรอบ ส่งผลให้จะเกิดการช่วงชิงทรัพยากรเพื่อใช้ในการรักษาทั่วโลก
สำหรับประเทศไทยและประชาชนชาวไทยนับเป็นพระมหากรุณาที่คุณที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ได้พระราชทานอุปกรณ์ทางการแพทย์ อาทิ รถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัย รถตรวจวิเคราะห์หาเชื้อเร่งด่วนพิเศษ รถเอกซเรย์ รถพยาบาลกู้ชีพฉุกเฉิน เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องมือทางการแพทย์อื่นๆ อีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ทั้งศาสตราจารย์ด็อกเตอร์สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารีในนามของประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานหนังสือขอขอบใจและขอเป็นกำลังใจ รวมทั้งขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนทางด้านทรัพยากรและบุคลากร ให้กับแพทย์พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนชาวไทยทุกคนอีกด้วย
วันนี้ประเทศไทยวันนี้มียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 2,070 ราย อันเป็นผลมาจากคลัสตอร์ล่าสุดช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ ที่ยังคงส่งผลสืบเนื่องต่อมาอีกอย่างน้อยสองสัปดาห์ โดยอัตราการแพร่ระบาดในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการแพร่ระบาดมีความรุนแรงและเป็นวงกว้างกว่าระลอกที่ผ่านมา หากสามารถร่วมมือร่วมใจกันอีกครั้ง การ์ดไม่ตก และดำเนินการตามมาตรการต่างๆที่ ศบค.แนะนำ ก็จะช่วยลดภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของเรา และสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมอีกครั้งในเร็ววัน
ทั้งนี้ รัฐบาล และศบค. มีการประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา โดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปรับมาตรการให้เข้มงวดขึ้นจะมีการเร่งพิจารณา และประกาศล่วงหน้าเพื่อให้ได้รับทราบทันที ในขณะเดียวกันเพื่อความไม่ประมาท ผมได้สั่งการให้มีการเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขของประเทศ ในด้านต่างๆเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น เร่งรัดกระบวนการจัดหาและฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงรวมทั้งพิจารณาการฟื้นฟูเยียวยาในอนาคตอีกด้วย
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนที่ได้รับมอบแล้ว จำนวน 2.1 ล้านโดส ที่สามารถฉีดได้ 1.05 ล้านคน นับถึงวันนี้ ได้มีการฉีดวัคซีนไปแล้ว 8.4 แสนคน กว่าครึ่งหนึ่ง เป็นการฉีดให้กับบุคลาการทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงตลอดเวลา ซึ่งบุคลากรทั้งหมดจะได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ รัฐบาลและ ศบค.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 100 ล้านโดส เพื่อฉีดให้กับประชาชน 50 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2564
ที่ผ่านมาจัดหาแล้ว 64 ล้านโดส ประกอบด้วย AstraZeneca 61 ล้านโดส ที่เริ่มส่งมอบเดือนมิถุนายนนี้ 6 ล้านโดส และเดือนต่อๆ ไปอีก เดือนละ 10 ล้านโดส, Sinovac 2.5 ล้านโดส ส่งมอบแล้ว 2 ล้านโดส และพรุ่งนี้ (24 เม.ย.64) จะเข้ามาอีก 500,000 โดส ล่าสุดเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่า รัฐบาลจีนได้แจ้งความประสงค์บริจาควัคซีนให้ไทยอีก 500,000 โดส ในส่วนที่จะต้องจัดหาเพิ่มเติมอีก 36 ล้านโดส นั้น รัฐบาลก็ประสบความสำเร็จในการเจรจาจัดหาวัคซีนสปุตนิค วี จำนวน 5-10 ล้านโดส และไฟเซอร์ อีก 5-10 ล้านโดส มาเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนแล้ว
เพื่อเป็นการเติมเต็มภาครัฐ และเกิดการทำงานเชิงรุกมากขึ้น ผมได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขึ้น ซึ่งประกอบด้วย คณะแพทย์ในกระทรวงสาธารณสุข องค์การเภสัชกรรม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน โดยมี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน ซึ่งได้รับรายงานว่าสภาหอการค้าไทย จะช่วยรัฐบาลจัดหาให้กับพนักงานลูกจ้างเองอีกด้วย ประมาณ 10-15 ล้านโดส และในอาทิตย์หน้าจะประชุมร่วมกับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดหาและแจกจ่ายวัคซีน ทั้งหมดนี้เพื่อให้ประเทศไทยของเราสามารถมีวัคซีนเพื่อฉีดให้กับประชาชนให้ครบ 50 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้
ผมขอยืนยันว่า รัฐบาลและ ศบค. มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้อย่างเต็มที่ องค์การเภสัชกรรมได้มีการสำรอง และกระจายยาฟาวิพิราเวียร์ สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน มากกว่าสามแสนเม็ด โดยมีการกระจายไปสำรองในพื้นที่ต่างๆ แล้ว และกำลังนำเข้าเพิ่มอีก 2 ล้านเม็ด ในด้านการจัดเตรียมเตียงให้กับผู้ป่วย มีเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยโควิดและผู้เสี่ยงติดเชื้อ รวมกว่า 28,000 เตียง ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลสนาม โรงพยาบาลเอกชน และ Hospitel ซึ่งในขณะนี้มีผู้ป่วยหลักพันต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้จำนวนเตียงลดลงอย่างมาก แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้จัดเตรียมมาตรการเพื่อจัดหาเตียงให้กับผู้ป่วยทุกคนให้ได้
ในส่วนมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไว้อีกประมาณ 3.8 แสนล้านบาท โดยมาจากพ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของเงินกู้เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ 2.4 แสนล้านบาท งบกลางปีงบประมาณ 2564 อีก 9.9 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายบรรเทาโควิด-19 อีก 4 หมื่นล้านบาท โดยฝ่ายเศรษฐกิจได้เตรียมโครงการที่ช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่าย และการบริโภค รวมถึงโครงการที่จะทำให้เกิดการใช้จ่าย การลงทุน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น
ฉะนั้นขอให้ทุกท่านเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีงบฯเพียงพอในการช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาเจริญเติบโตได้โดยเร็ว ผมขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้ ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล อสม. เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละอดทน แม้ตนเองจะเสี่ยงอันตราย และเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่ยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อส่วนรวม ผมขอยกย่องทุกท่านจากใจจริง ดังนั้นทุกคนจึงต้องช่วยกันปกป้องทีมแพทย์ของประเทศไทย ด้วยการระมัดระวังตัวลดความเสี่ยงให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ คือการเว้นระยะห่าง ล้างมือ และใส่แมสให้ได้มากที่สุดเมื่อต้องพบเจอผู้อื่น
ในฐานะนายกรัฐมนตรีผมขอให้คำมั่นสัญญาว่า ผมและรัฐบาลจะทำทุกท่านเพื่อให้เราผ่านวิกฤตในระลอกนี้ไปให้ได้ พวกเราทุกคนจะสู้ไปด้วยกันอีกครั้ง และผมเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของเราทุกคนประเทศไทย จะต้องเอาชนะโรคร้ายในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน