วันที่ 23 เม.ย.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม นายสวัสดิ์ อั้นเต้ง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาล นายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผอ.สำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 (สุพรรณบุรี)พร้อมคณะ เดินทางติดตามโครงการศึกษา สำรวจและรูปแบบการพัฒนาน้ำบาดาลจากแหล่งกักเก็บในหินแข็งระดับลึกในพื้นที่ธรณีวิทยาโครงสร้างซับซ้อน (บ่อน้ำพุโซดา)บ้าสระตาโล หมู่ 19 ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี โดยมีนายสมหวัง บุญระยอง รอง ผวจ.กาญจนบุรี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ นายก อบจ.กาญจนบุรี  นายวิมล อึ้งพรหมบัณฑิต ผอ.ทสจ.กาญจนบุรี นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชน ให้การต้อนรับ

เมื่อ รมว.ทส.เดินทางมาถึง ได้เยี่ยมชมบ่อน้ำพุโซดาบาดาลที่เจาะลึกลงไป 303 เมตร โดยพุได้พวยพุ่งขึ้นมากว่า 10 เมตร ปัจจุบันพบเจ้าหน้าที่ได้นำไม้ไผ่มาสร้างเป็นทางเดินยื่นลงไปเพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพความสวยงามของพุโซดา เก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก  จากนั้นนายวราวุธ ศิลปอาชา ได้เยี่ยมชมระบบผลิต พร้อมกับทดลองดื่มน้ำแร่ โซดาด้วยตนเองอีกทั้งยังได้แจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่ได้ทดลองดื่มด้วย หลังจากนั้นได้ออกมาพบปะพูดคุยประชาชน รวมทั้งมอบน้ำแร่ให้ประชาชนที่เดินทางมา

ทั้งนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.เปิดเผยภายหลังว่า การสร้าง การเจาะ การหาแหล่งน้ำเป็นสิ่งที่ง่าย แต่สิ่งที่ยากก็คือเราจะบริหารจัดการน้ำแหล่งนี้อย่างไร บวกกับการบริหารจัดการน้ำซึ่งน้ำที่มีอยู่นั้นเพียงพอสำหรับการอุปโภคบริโภคและภาคการเกษตรบางชนิดเท่านั้น ปัจจุบันพบว่าพื้นที่ห้วยกระเจาประชาชนส่วนใหญ่ทำไร่อ้อยกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากนำน้ำบริเวณนี้ไปทำไร่อ้อย น้ำมีเท่าไหร่ก็คงจะไม่เพียงพอ

 

ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่ทางจังหวัดจะต้องทำความเข้าใจและหาทางร่วมกันกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่า ถ้าหากจะเอาน้ำบาดาลที่ได้ มาทำการเกษตร จะต้องใช้กับพืชการเกษตรชนิดใด จึงจะมีความยั่งยืน แต่ที่สำคัญตัวคุณค่าของน้ำตรงนี้มันไม่ได้หยุดอยู่ที่ทำการเกษตรแล้ว เพราะคุณสมบัติของแร่ธาตุชนิดต่างๆ ที่อยู่ในน้ำแห่งนี้มันมีคุณค่าเทียบเท่ากับคุณภาพน้ำแร่ยี่ห้อดังๆที่ขายอยู่ในต่างประเทศและอาจจะมีคุณภาพที่ดีกว่าของต่างประเทศด้วยซ้ำไป จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับชาวจังหวัดกาญจนบุรี และพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่จะสามารถนำน้ำพุโซดาบาลแหล่งนี้มาพัฒนาและทำให้จุดบริเวณนี้ที่มีปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลสามารถนำมาทำในเชิงพาณิชย์และจะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน
 

ส่วนการที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวนั้น เมื่อสักครู่ได้ดูแบบแผนของ อบจ.พบว่าจะมีพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยมีการให้บริการแช่น้ำแร่ รวมทั้งจะมีการผลิตเพื่อขายน้ำแร่ ซึ่งเรื่องต่างๆ เหล่าจะต้องมอบให้เป็นหน้าที่ของทางจังหวัดกาญจนบุรี เป็นตัดสินใจ เพราะหน้าที่ของกรมทรัพย์ฯ คือการหาแหล่งน้ำ เมื่อหาแหล่งน้ำได้แล้วคนในพื้นที่จะต้องเป็นผู้บริหารจัดการ รมว.ทส. เป็นห่วงในอนาคตจะขาดการดูแล จึงย้ำขอฝากให้หน่วยงานท้องถิ่นที่รับมอบจากกรมทรัพยากรน้ำ ไปแล้วต้องบริหารให้แหล่งน้ำแร่แห่งนี้อยู่ยั่งยืนครู่จังหวัดกาญจนบุรี ต่อไป