เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 64  ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดหนองค้า ต.หนองค้า อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ มีพระสงฆ์โชว์เจ้าโลกสำเร็จความใคร่ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดทางภาคกลางได้ดูทางสื่อโซเชี่ยล และมีการนำเอาภาพโชว์ของลับนั้นมาเผยแพร่ทางสื่อโชเชี่ยลแห่งหนึ่งในเขต จ.ศรีสะเกษ  เมื่อไปถึงได้พบกับ พระหนุ่มรูปหนึ่งชื่อ พระหลง (นามสมมุติ)  พระลูกวัดหนองค้า พระที่มีภาพเผยแพร่ในสื่อโซเชี่ยล ซึ่งได้ออกมาพบกับผู้สื่อข่าว พร้อมด้วย  พระณัฐวุฒิ ฐานิสสโร ซึ่งเป็นพระหลวงตาของพระหลง โดยลักษณะของพระหลงมีท่าทางการพูดคล้ายกับไม่สามารถที่จะควบคุมสติและการพูดของตนเองได้  หลวงตาณัฐวุฒิ ต้องคอยตักเตือนอยู่ตลอด

พระหลง (นามสมมุติ)  พระลูกวัดหนองค้า เล่าว่า  อาตมาภาพบวชมาได้ 6 พรรษาแล้ว กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัว จ.ศรีสะเกษ  ก่อนเกิดเหตุได้รู้จักกับผู้หญิงที่คุยด้วยประมาณ 2 วัน โดยอาตมาภาพได้เข้าไปขอเป็นเพื่อน จากนั้น จึงได้ชวนโยมผู้หญิงคุยและเพราะขาดความยั้งคิด จึงได้นำเอาอวัยวะเพศออกมาสำเร็จความใคร่ไปด้วย  แต่ว่า ยังไม่สำเร็จความใคร่แต่อย่างใด  เนื่องจากว่า โยมผู้หญิงไม่ยอมเปิดกล้องวีดีโอและวางสายไปก่อนอ้างว่ากำลังทำงาน  ซึ่งเรื่องนี้ตนไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด และไม่รู้สึกดีใจ เพราะขึ้นอยู่กับจิตใจเราว่า จะคิดเล่นกับเขาหรือไม่แค่นั้นเอง  แต่ว่าทางผู้หญิงหักเหลี่ยมอย่างกระชั้นชิด เหมือนกับการเบรกรถอย่างกะทันหัน จึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ทางด้าน พระณัฐวุฒิ ฐานิสสโร ซึ่งเป็นพระหลวงตาของพระหลงที่จำวัดอยู่ที่วัดเดียวกัน กล่าวว่า พระหลงเหมือนกับเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ถ้าจะพูดตรง ๆ ก็คือเป็นโรคจิตวิตถารไปแล้ว ถ้าท่านนำเอาอารมณ์หรือว่านำเอาจิตไปปรุงแต่ง คือด้วยตา หู ที่เห็นและได้ยิน จึงทำให้เกิดการทำผิดพลาดขึ้นมา หากไปเป็นฆราวาสอาจจะไปฆ่าข่มขืนได้  ซึ่งจะเป็นการผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง ซึ่งเรื่องนี้ พระครูจันทสารพิมล เจ้าคณะอำเภอพยุห์ และพระครูสีลสาราภินันท์  เจ้าคณะตำบลหนองค้าและเจ้าอาวาสวัดหนองค้า ได้ทำการสอบสวนพระหลงแล้วและเห็นว่า เป็นความผิดครั้งแรก อีกทั้งเห็นว่า กำลังเรียนหนังสืออยู่  เพื่อให้โอกาสพระหลงกลับตัวเป็นพระที่อยู่ในพระธรรมวินัย จึงได้ว่ากล่าวตักเตือน ห้ามเล่นสื่อโซเชี่ยลอีกต่อไปและให้ไปอยู่ปริวาสกรรม 9 คืน 10 วัน ส่วนจะให้ไปอยู่ปริวาสกรรมที่ใดนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพระผู้ใหญ่ อีกทั้งจะให้พระหลงสึกจากความเป็นพระหรือไม่อย่างไรนั้น จะต้องให้พ่อแม่และญาติพี่น้องของพระหลงได้ทำการปรึกษาหารือกันเสียก่อน

ทางด้าน  ร.ต.อ.ภักดี  ทองอินทร์  พนักงานสอบสวน สภ.พยุห์  จ.ศรีสะเกษ ได้ตั้งข้อหากับพระหลงตาม  ป.อาญา ม.388 ข้อหาว่า ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัลโดยเปลือยหรือเปิดเผยร่างกายหรือกระทำการลามกอย่างอื่น  มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท  พนักงานสอบสวนจึงได้สั่งปรับพระหลง ที่มีความผิดดังกล่าว จำนวนเงิน 500 บาท  จากนั้น ได้ปล่อยตัวพระหลงกลับไปที่วัดเพื่อไปปฏิบัติกิจของสงฆ์ต่อไป