จากนโยบายของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์  พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่อยู่เส้นทางตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมาโดยผิดกฎหมาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

 

เมื่อเย็นวันนี้ 27 เม.ย. 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ทหารชุดเฉพาะกิจลาดหญ้า นำโดยชุดหมวดลาดตระเวนที่ 4 จุดตรวจบ้านเขาหนีบ ร่วมกับ ชป. ร้อยคร.กกล.สุรสีห์ มว.ปขด. เพิ่มที่ 1 บ้องตี้ ชป.กร.สุรสีห์ ที่ 105 ร้อยทหารพรานที่ 1115 พร้อมหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ทำการจับกุมผู้กระทำผิด ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยกลุ่มแรกได้แรงงานชายหญิง จำนวน 48 คน เป็นชาย 21 หญิง 27 คน จับได้บริเวณชายป่า บ้านประตูด่าน หมู่ที่ 14 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี พิกัด NR 183392

 

จากการสอบสวนเบื้องต้นแรงงานทั้งหมดให้การว่า พวกตนเดินทางมาจาก จว.ทวาย สมม. เมื่อถึงบริเวณแนวชายแดน ได้มีผู้นำพา (ไม่ทราบชื่อสกุลจริงและสัญชาติ) นำทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย ด้วยการเดินเท้าลัดเลาะตามเส้นทางธรรมชาติจนถึงบริเวณดังกล่าว ผู้นำพาได้แจ้งว่าให้พักคอยบริเวณนี้เพื่อรอการเคลื่อนย้าย จากนั้นผู้นำพาได้เดินทางกลับไปก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง โดยพวกตนต้องการไปทำงานในพื้นที่ จว.นครปฐม, จว.ราชบุรี, จว.สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายแรงงานทั้งหมดเบื้องต้น ไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส

 

สำหรับการจับกุมแรงงานในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบเห็นบุคคลชาวต่างด้าวแอบลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด หมวดลาดตระเวนที่ 4 จึงทำการจัดชุด ลาดตระเวนร่วมกับหน่วยงานข้างต้นเข้าตรวจบริเวณดังกล่าว พบผู้ต้องสงสัยจำนวน 48 คน พร้อมสัมภาระเจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวและตรวจค้น จากการตรวจค้นพบว่าแรงงานทั้งหมดไม่มีเอกสารหรือหนังสือเดินทางเจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมดังกล่าว

 

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การว่าพวกตนเดินทางมากจาก ทวาย ประเทศพม่า ใช้เวลาเดินเท้า 7 วัน โดยลัดเลาะตามเส้นทางตามธรรมชาติสันแดน ซึ่งพวกตนได้จ่ายเงินให้นายหน้าฝั่งพม่าก่อนเดินทางเข้ามารายละ 13,000 – 20,000 บาท ต่อคนแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวทั้งหมดส่ง พงส.สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

และในเวลาต่อมา ทหารชุดเฉพาะกิจลาดหญ้า พร้อมด้วย กองร้อยทหารพรานที่1115 จัดกำลังพล 1 ชป. ปฏิบัติภารกิจ ลาดตระเวนหาข่าวตามแนวชายแดน ในพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของบุคคลต่างด้าว และป้องกันการกระทำความผิดกฎหมายทุกรูปแบบ บริเวณ บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมืองเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ขณะทำการลาดตระเวนได้พบกลุ่มแรงงานต่างด้าวอีก จำนวน 12 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 9 คน พิกัด 065410 เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวหรือเอกสาร พบว่ามีแต่บัตรประจำตัวประชาชนเมียนมา ไม่มีเอกสารการเดินทางหรือพาสปอร์ตแรงงานต่างด้าว

 

และได้สอบถาม น.ส.โม  ว่าได้เดินทางมาจาก หมู่บ้านมอญ จ.เมาะละแม และได้พักที่ บ้านทิคิ แล้วเดินเท้าข้ามแดนโดยใช้ช่องทางธรรมชาติ โดยเสียค่าจ้างให้นายหน้า หัวละ 15,000 บาท และจะเดินทางไปทำงานที่ จังหวัดปทุมธานี และ จังหวัดสมุทรสาคร  เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ไม่พบผู้ที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศา และเจ้าหน้าที่ได้ทำการผลักดันให้กลับประเทศเมียนมา ไปเรียบร้อย

 

ทั้ง 12 คน ประกอบด้วย 1.น.ส.โม สัญชาติเมียนมา 2.นาย ทร สัญชาติเมียนมา 3.น.ส.น้อย  สัญชาติเมียนมา 4.น.ส.มล สัญชาติเมียนมา 5.น.ส.ฝน  สัญชาติเมียนมา 6.น.ส.ดา สัญชาติเมียนมา 7.น.ส.ลัย สัญชาติเมียนมา 8.น.ส.ลี้ สัญชาติเมียนมา 9.น.ส.โท สัญชาติเมียนมา 10.นาย มอน สัญชาติเมียนมา 11.นายแดง สัญชาติเมียนมา และ 12.น.ส.เอริน์  สัญชาติเมียนมา ทั้งหมดกำลังเดินทางอยู่บริเวณ ตีนเขา บ้านพุน้ำร้อน ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

 

สำหรับตั่งแต่ช่วงวานที่ผ่านมาและวันนี้แรงงานเมียนมา ได้เดินทางเข้ามาบริเวณเขตบ้านพุน้ำร้อนเกือบ 200 คน แล้ว บางส่วนได้ถูกจับกุม บางส่วนทำการสอบสวนทำปะวัติแล้วได้ทำการผลักดันให้ออกกลับเข้าไปยังประเทศเมียนมา เนื่องจากสถานที่รองรับไม่เพียงพอให้แรงงานเหล่านี้ได้อยู่ อีกทั้งเป็นช่วงโควิด 19 กำลังระบาดในระยะนี้ และแรงงานทั้งหมดอยู่ในอาการอิดโรย ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดหาอาหาร น้ำดื่มให้กับแรงงานทั้งหมดได้รับประทานครบทุกคน รวมถึงหน้ากากอนามัยแจกกับทุกคนด้วย