เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



แฉ "อรหันต์ลวงโลก" พร้อมสาวก ตุ๋นยกหมู่บ้าน 200 กว่าคน อ้างเทวดาประทานโชค


28 เม.ย. 2564, 14:59



แฉ "อรหันต์ลวงโลก" พร้อมสาวก ตุ๋นยกหมู่บ้าน 200 กว่าคน อ้างเทวดาประทานโชค




คืบหน้า คดีของนางสาวอิสรีย์ อินทร์ไชยา หรือแม่ชีอู๋ อายุ 49 ปี แอบอ้างเป็นพระยาธรรมิกราช ผู้สำเร็จธรรมชั้นพิเศษ ร่วมกับสาวกประกอบด้วย นางดรุณี จันทะนาม อายุ 45 ปี หรือแม่ชีทองพูน และนางสาวไพลิน สุนทรสุวรรณ อายุ 31 ปี หรือแม่ชีการ์ตูน หลอกลวงประชาชนให้หลงเชื่อว่าเป็นพระอรหันต์มีกายทิพย์ สามารถสื่อสารกับเหล่าเทวดาได้ โดยในช่วงสถานการณ์โรคโควิดระบาดเทวดาจะลงมาช่วยเหลือ ด้วยการสะสมบุญในรูปแบบผ้าป่าเงินสดและผ้าป่าทองคำ ทั้งนี้จะได้ค่าตอบแทนจากเทวดาเป็นเงินสดและทองคำ ตามวัตถุประสงค์ของผู้ที่จัดตั้งเป็นกองบุญอะไร แรกทีเดียวเหยื่อยังไม่เชื่อมั่นอยากจะทดสอบจึงลงทุนคนละกองสองกอง ปรากฏว่าไม่ถึง 10 วันก็ได้รับเงินสดเพิ่มทวีคูณเป็นสองเท่า หรือได้รับทองรูปพรรณหนัก 1 สลึง ทำให้เหยื่อตายใจชักชวนเพื่อนๆและญาติมาซื้อกองทุนดังกล่าวคนละหลายสิบกอง รวมเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท จากนั้นก็รอหวังเทวดาจะประทานสิ่งที่ต้องการให้เหมือนที่ผ่านมา เวลาล่วงเลยมาเดือนเศษไม่มีวี่แววอะไร สอบถามเจ้าสำนักก็อ้างว่าเทวดายังไม่ว่างและต้องมีฤกษ์ยามในการประทานสิ่งของ เหยื่อเชื่อว่าถูกหลอกแน่จึงรวมตัวกันไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีดังกล่าว

ล่าสุด วันที่ 28 เมษายน 2564 มีชาวบ้านจากหมู่บ้านโพนแดงน้อย หมู่ 8 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กว่า 50 คนเดินทางไปพบพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน กรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนางอิสรีย์หัวหน้าแก๊ง และสาวกคือนางดรุณีกับนางสาวไพลิน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ทำให้พนักงานสอบสวนของ สภ.ท่าอุเทน ไม่เพียงพอในการสอบปากคำ ต้องขอความช่วยเหลือจาก สภ.เมืองนครพนม ส่งพนักงานสอบสวนไปช่วย

ซึ่งนางกชกร(สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี อาชีพเกษตรกร หนึ่งในชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อ เล่าลำดับเหตุการณ์ว่าช่วงต้นเดือนมีนาคม 64 มีคนในหมู่บ้านไปทำอาหารให้สถานปฏิบัติธรรมวิปัสสนาพระพุทธสักขี เลขที่ 210 หมู่ 1 บ้านดงโชค ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม แล้วมาเล่าว่ามีพระอรหันต์ผู้สำเร็จญาณชั้นสูงสุด ต้องการจะช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก ขอเพียงเชื่อมั่นในองค์ท่านทุกอย่างจะได้ตามประสงค์ ตนสอบถามจะต้องทำอย่างไรก็ได้ตำตอบว่า สะสมบุญเป็นกองทุนผ้าป่าเงินสดกองละ 2,700 บาท หรือกองทุนผ้าป่าทองคำกองละ 3,500 บาท โดยให้คำมั่นสัญญาว่าไม่เกิน 110วันจะได้ผลตอบแทนเป็นทองคำรูปพรรณกองละ 1 สลึง ส่วนผู้สะสมกองบุญเงินสดจะได้เงินสด 6,000 บาท ตนจึงลงทุนซื้อกองบุญทองคำจำนวน 5 กอง และก็เป็นจริงเพียงอาทิตย์เดียวก็ให้ไปรับทองคำ 5 สลึงที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งนั้น



นางกชกรเล่าต่อว่าเกิดความเชื่อศรัทธาว่าพระอรหันต์ลงมาโปรดสัตว์โลก จึงชักชวนญาติพี่น้องไปร่วมซื้อกองบุญกัน ส่วนตัวเองซื้อผ้าป่าทองคำไปกว่า 30 กอง ส่วนญาติๆและเพื่อนบ้านก็ซื้อตามกำลังทรัพย์ เพราะถือว่าเป็นการลงทุนระยะสั้นไม่ถึง 10 วันก็ได้กลับมาเป็นสองเท่า ประกอบสายบุญออกมาแพร่ข่าวว่า เทวดามีโปรโมชั่นพิเศษ มีกองทุนทองคำ 40 กองใครต้องการต้องรีบๆเดี๋ยวจะหมด ก็มีคนแห่กันซื้อเพียงไม่ถึงชั่วโมงกองทุนนั้นก็หมดเกลี้ยง จากนั้นสายบุญก็บอกให้รอถึงวันที่ 30 มีนาคม 2564 จะได้รับผลบุญที่ลงไปกันครบถ้วน เวลาล่วงเลยมาถึงเดือนเมษายนก็ไม่มีวี่แววเทวดาจะลงมาโปรด สอบถามไปก็อ้างเทวดากำลังดูฤกษ์ยามอยู่ วันที่ 27 เมษายนฯ ตนทนรอไม่ไหวจึงเดินทางไปที่สำนักปฏิบัติธรรม ยังไม่ทันก็ทำอะไรก็มีตำรวจมาจับกุมแม่ชีทองพูนกับแม่ชีการ์ตูนไปดำเนินคดี เพราะมีผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.กุตาไก้ อ.ปลาปาก จ.นครพนม ตนจึงกลับมาที่บ้านชักชวนผู้ที่ลงทุนไปแจ้งความที่ สภ.ท่าอุเทน ซึ่งนางกชกรเผยว่าทั้งหมู่บ้านถูกนางสาวอิสรีย์หลอกลวงแล้วกว่า 200 คน

ขณะที่นายสำอาง(สงวนนามสกุล) อายุ 58 ปี ชาวบ้านโพนแดงน้อยเช่นเดียวกัน ได้เผยว่าเห็นคนในหมู่บ้านแห่ก็ซื้อกองทุนดังกล่าวเกือบทุกหลังคาเรือน กลัวจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโง่จึงลงทุนซื้อกองบุญผ้าป่าเงินสด 1 กองเท่านั้น คำตอบเหมือนกันคือให้รอวันที่ 30 มีนาคม เทวดาจะมอบของให้ รอจนจะสิ้นเดือนเมษายนฯ รู้ว่าถูกหลอกแน่และเห็นข่าวในสื่อต่างๆจึงพากันมาแจ้งความดังกล่าว รวมเบ็ดเสร็จชาวบ้านหมู่เดียวถูกหลอกยกหมู่บ้าน

ด้านการดำเนินคดี พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม เปิดเผยว่ามอบหมายให้ทางฝ่ายสอบสวนและสืบสวน ตรวจสอบเส้นทางการเงินของนางสาวอิสรีย์ว่ามีการโอนถ่ายไปให้ใคร เพราะเชื่อว่าต้องมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้แน่นอน หากหลักฐานสาวไปถึงใครก็จับมาดำเนินคดีหมดทุกราย







Recommend News





MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.